“แอนนี่ บรู๊ค” ฟ้องเจ้าของเพจ คนโพสต์หมิ่นลูกชายที่ยังเป็นเยาวชน ทำให้เสียชื่อเสียง-กระทบจิตใจ

0
139

กรณีมีเพจโพสต์รูปลูกชายและมีคนเข้าไปโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น พาดพิงถึงน้องในแง่ไม่ดี ซึ่งน้องยังเป็นเยาวชน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชื่อเสียงและจิตใจและการใช้ชีวิตของลูกชาย

น.ส.แอนนี่ บรู๊ค ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า มีเพจจัดอันดับ เพจหนึ่งในเฟซบุ๊กนำรูปภาพลูกชายของตนไปใช้ พร้อมกับโพสต์ข้อความในเชิงคำพูดเสียๆหายๆและรุนแรง ตนไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับใคร หากมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ตนก็ไม่เป็นไร แต่กับลูกชายคนเป็นแม่ยอมไม่ได้ ตอนที่เห็นภาพนี้ครั้งแรกช่วงเดือนกันยายน 2565 รู้สึกโกรธมากหัวใจเต้นแรง วันนี้ตนจึงเดินทางมาพร้อมกับทนายเจมส์ เพื่อจะฟ้องหมิ่นประมาทเจ้าของเพจและคนโพสต์ข้อความกว่า 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณแม่เช่นเดียวกันกับเธอ บางคนก็ทักแชทข้อความมาขอโทษแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่รับคำขอโทษ บางคนขอจ่ายเงินให้เรื่องจบได้ไหม แต่ตนก็บอกกลับไปว่าให้ไปขึ้นศาลก่อน

ตอนที่ตนเห็นภาพลูกชายก็อยู่ด้วยเช่นกัน น้องถามตนว่า ทำไมเขาถึงโพสต์รูปของผมแบบนี้  ดังนั้นตนจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด กลัวว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบกับลูกชายในอนาคต เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตตนได้บอกให้ลูกฟังหมดแล้ว ไม่ควรที่จะมีอะไรมาสะกิดใจลูกชายของตนอีก

ที่มาวันนี้ไม่ได้ฟ้องเอาความสะใจ แต่ต้องการให้เป็นบทเรียนตัวอย่าง ยิ่งตอนนี้มีพ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก อยากให้ใส่ใจตรงนี้มากๆ เพราะว่าน้องยังเป็นเยาวชนอยู่เลย ยืนยันจะไม่เจรจายอมความและไม่ไกลเกลี่ยใดๆทั้งสิ้น

นายนิติธรทนายความ กล่าวว่า เราจะใช้อำนาจของศาลฟ้องเจ้าของเพจและคนโพสต์ข้อความกว่า 10 คน เป็นคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท เรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งด้วย 500,000 บาท วันนี้คู่กรณีจะมา แต่ไม่แน่ใจว่าจะส่งทนายความหรือมาด้วยตัวเอง กระบวนการวันนี้ศาลท่านอาจจะไกลเกลี่ย หรือไต่สวนมูลฟ้องเลยก็ได้

ภายหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ น.ส.แอนนี่ บรู๊คและนายนิติธร ได้เข้าไปยื่นคำฟ้องต่อศาล

“แอนนี่ บรู๊ค”

“ทนายเจมส์” เดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดา

ทนายเจมส์ : “ในเรื่องของคดีนี้มีเพจนึงเอาพวกดาราขี้โกหกไปจัดอันดับ และน้องแอนนี่อยู่ในลิสต์นั้น ซึ่งน้องแอนนี่เป็นบุคคลสาธารณะเขาก็ไม่ได้ดิดใจอะไรนะ จะเอาเขาไปว่าอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ดันไปติดรูปลูกของเขา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เลยคิดว่าเอารูปลูกเขาไปทำแบบนี้มันถูกต้องมั้ย จรรยาบรรณอยู่ตรงไหน เขาก็เลยอาศัยอำนาจของศาลฟ้องเป็นคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาครับ”

เขาเขียนข้อความว่าอะไร
ทนายเจมส์ : “เนื้อหามันเยอะครับ ประมาณว่ามีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันแล้ว ซึ่งไม่ใช่ลูกของใคร ประมาณนี้นะครับ ซึ่งในเนื้อข่าวมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย ก็เลยมีการฟ้องกัน”

เหตุผลหลักที่ฟ้องก็เพราะเรื่องลูกเลยใช่มั้ย
แอนนี่ : “ใช่ค่ะ เพราะ 12 ปีแล้ว ลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว ไม่เคยยุ่งวุ่นวาย และอยู่อย่างเงียบๆ มาตลอด ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรเท่าไหร่ โฟกัสที่การเลี้ยงลูก ดูแลลูกเท่านั้น ทีนี้คุณเอารูปเด็กมาขึ้น และในข้อความมันค่อนข้างรุนแรงในบางคำ ในคำพูดที่เขาใส่ และใส่รูปเด็กพอดี มันเป็นอะไรที่คนเป็นแม่รับไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยจำเป็นต้องขึ้นกันนิดนึง”

ตอนที่เห็นครั้งแรกรู้สึกยังไง
แอนนี่ : “หัวใจมันเต้นแรงมากค่ะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกของเรา คือคุณจะว่าอะไรแอน แอนไม่ว่า คุณจะขึ้นรูปแอน แอนก็อยู่เฉยๆ มาตลอด ไม่เคยฟ้องใคร ไม่เคยทำอะไรใคร แต่ตอนนี้คุณขึ้นรูปลูก และใส่ข้อความค่อนข้างรุนแรงออกมาแบบนี้ แอนว่ามันไม่น่ารักเลย ไม่โอเคเลย ไม่ควรที่จะทำแบบนี้กับน้องค่ะ”

มีผลกระทบกับน้องมั้ย
แอนนี่ : “ตอนที่เห็นเพจนี้ ตอนที่เกิดเรื่องน้องก็ดูอยู่ด้วย น้องก็ถามว่าทำไมเขาพูดถึงแม่ แล้วเขาขึ้นรูปผมแบบนี้ล่ะครับ แล้วเพื่อนๆ ที่โรงเรียนถ้าเขาเห็นแล้วเขาจะว่าอะไรมั้ย แอนก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวแม่จัดการเอง”

มันกระทบหัวใจคนเป็นแม่ยังไงบ้าง
แอนนี่ : “แอนว่าอย่าขุดคุ้ยเลยนะคะ ตอนนี้แอนก็โฟกัสเรื่องของการดูแลน้อง แอนคิดว่าแอนใช้การเวลาพิสูจน์ตัวเองค่อนข้างมากแล้วว่าในระยะทางที่ผ่านมา แอนก็ทำหน้าที่แม่ที่ดีที่สุดแล้ว อะไรที่ผ่านไปแล้วคุณจะมาขุดคุ้ยเพื่ออะไร มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับสังคมแล้ว”

ที่ห่วงที่สุดคือสภาพจิตใจของน้องใช่มั้ย
แอนนี่ : “ถูกต้องค่ะ แอนก็ทราบนะคะว่าเมื่อเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็อาจจะต้องมีผลตามมาในอนาคต เพราะฉะนั้นเรื่องทุกเรื่องที่เคยเป็นข่าวแอนอธิบายให้ลูกฟังไปหมดแล้ว แอนเปิดรูป เปิดวิดีโอ เพราะตอนนี้น้องอายุ 12 แล้ว น้องรับได้แล้ว แอนก็เปิดหมด บอกทุกอย่าง จนน้องสามารถมีวัคซีนได้ระดับนึงแล้ว แต่ทีนี้มันก็ไม่ควรมีอะไรมีสะกิดใจต่อ คือล่าสุดเขาไปโรงเรียนก็จะมีเด็กบางคนที่ไม่น่ารัก ซึ่งแอนก็งงมากว่าก่อนแอนขึ้นศาลทำไมเป็นแบบนี้ มันจะมีเด็กบางคนที่เปิดยูทูปและไล่เดินตามจิกน้อง ว่านายดูสิๆ น้องมาเล่าให้ฟังนะคะ น้องก็บอกว่าฉันรู้อยู่แล้ว ฉันเห็นหมดแล้ว เพราะแม่ฉันเปิดให้ดูหมดแล้ว แต่ฉันรำคาญ เธอหยุดเปิดให้ดูสักทีได้มั้ย คือมันก็ใช้ชีวิตลำบากค่ะ”

น้องเจอแบบนี้บ่อยมั้ย
แอนนี่ : “เพิ่งมาเจอพักหลังๆ นี่แหละค่ะ เขาก็ที่สุดของเขาแล้ว เพราะแอนก็ค่อนข้างสร้างภูมิให้เขาเยอะแล้วค่ะ”

ทุกครั้งที่เขาเจอจะมาเล่าใหัฟังทุกครั้งมั้ย
แอนนี่ : “เล่าทุกครั้งค่ะ แอนสนิทกับลูกมาก คุยกันทุกเรื่อง แต่มาครั้งนี้เขาบอกว่า แม่ ผมรำคาญจังเลย ทำไมคนอื่นเขาไม่หยุดสักที ก็เลยบอกว่างั้นเดี๋ยวแม่จะทำเป็นกรณีตัวอย่างให้แล้วกัน”

เรียกว่าฟ้องเพื่อลูกเลยใช่มั้ย
แอนนี่ : “ครั้งนี้ใช่ค่ะ”

เราฟ้องกี่คดี เรียกค่าเสียหายยังไงบ้าง
ทนายเจมส์ : “อันนี้เป็นการฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณานะครับ และมีการเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งเข้าไปด้วยนะครับ แต่ในการเรียกค่าเสียหาย เราก็เรียกตามความเหมาะสม ก็คือที่ 5 แสนบาท ไม่ได้เรียก 1 ล้านบาทนะครับ”

ตั้งใจจะไม่ยอมความมั้ย
แอนนี่ : “คือเรื่องเงินน่ะ แอนไม่ใช่คนที่ฟ้องเอาสะใจ บางคนบอกว่าฉันจะฟ้องเธอ 2-3 ล้าน 10 ล้าน ซึ่งมันโอเว่อร์ไป เราฟ้องให้มันเป็นบทเรียน และเท่าที่คุยกับคุณเจมส์ก็คือมันมีพรบ.คุ้่มครองเด็ก น้องยังเป็นเยาวชนอยู่นะ เพราะฉะนั้นอยากให้ใส่ใจตรงนี้ให้มากๆ คือมันมีจุดที่ว่าน้องยังเป็นเยาวชนอยู่เลย อย่าทำอย่างนี้กับเยาวชนไทยเลยค่ะ เห็นมั้ยคะว่าเด็กๆ ตอนนี้ฆ่าตัวตาย ซึมเศร้า เป็นอะไรกันเยอะแยะมากมาย คือน้องไม่ได้เป็นหรอกค่ะ แต่เราไม่อยากที่จะให้มันไปถึงจุดนั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ได้ฟ้องแค่เพจ แต่ฟ้องคนคอมเม้นต์ด้วย คนคอมเม้นต์อยากจะบอกเลยนะคะว่า แต่ละคนที่แอนเลือกมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นคุณแม่เหมือนกัน มีครอบครัวที่น่ารัก มีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ มีคุณลูก มีฐานะการงานมั่นคง มีทุกอย่าง แต่ใช้เวลาตรงนี้มาหมิ่นคนที่ด้อยกว่า ในที่นี้คือแอนไม่ได้มีอะไรเท่าคุณ แต่คุณก็ยังไม่เลิกสักที ก็น่าจะหลายรายอยู่ค่ะ ประมาณหลัก 10 ราย”

ฟ้องคนคอมเม้นต์หรือยัง
แอนนี่ : “ยังอยู่ในขั้นตอนค่ะ เดี๋ยวให้พี่เจมส์เป็นโจทย์ร่วมฟ้องค่ะ”

ได้ติดต่อไปทางเพจบ้างหรือยัง
แอนนี่ : “เขาติดต่ออินบ๊อกซ์เข้ามาหลายคนแล้ว บางคนก็บอกว่าขอจบด้วยการจ่ายเงินได้มั้ย แอนก็บอกว่าไม่เอา ไม่ต้องมาจ่ายตอนนี้ เดี๋ยวไปขี้นศาล ลูกกับสามีคุณจะได้รู้ว่าคุณเอาเวลาเอาตังค์เขามาทำอะไรบ้าง อันนี้คือคนคอมเม้นต์นะคะ”
ทนายเจมส์ : “ส่วนสื่อผมเป็นคนฟ้องครับ ในส่วนคนคอมเม้นต์ก็น่าจะแจ้งความไว้ต่างหาก”

ได้รับคำขอโทษบ้างมั้ย
แอนนี่ : “ได้รับคำขอโทษในอินบ๊อกซ์ ซึ่งแอนไม่เอา”

พฤติกรรมเขาคือจะใช้เงินฟาดเหรอ
แอนนี่ : “ใช่ค่ะ อินบ๊อกซ์มาขอจ่าย แอนก็บอกว่าอย่าเลย แอนบอกแล้วไงคะ ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีฐานะมั่นคง มีลูก มีหน้าที่การงานที่ดี ไม่ได้ไม่มีตังค์หรืออะไร ก็เลยคิดว่าจะเอาเงินมาฟาดหัวเราแล้วจบ แอนก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องมาขอโทษในอินบ๊อกซ์ ไม่ต้องเอาเงินมาให้ ไปเจอกันที่ศาลดีกว่า”

ทนายเจมส์ : “แต่คดีตรงนี้ยังไม่ได้เริ่มนะครับ เพราะเดี๋ยวคุณแอนเขาจะไปคัดก่อนว่าจะเอาใครบ้าง”

แล้วเขารู้ตัวได้ยังไงว่าเราจะฟ้อง
แอนนี่ : “มันมีบางคนที่มาเป็นสายเพื่อนของเพื่อนๆ แล้วเขาก็ไปบอกกัน”

วันนี้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วจะยังไงต่อ
ทนายเจมส์ : “คือกระบวนการในวันนี้ศาลท่านอาจจะไกล่เกลี่ย หรือไต่สวนมูลฟ้องเลยก็ได้นะครับ การไกล่เกลี่ยต้องได้รับความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ถ้าเกิดว่าฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่ยอมที่จะไกล่เกลี่ย ก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้า ณ วันนี้แอนนี่ไม่ยอมไกล่เกลี่ยก็ต้องไต่สวนมูลฟ้องไป พอไต่สวนมูลฟ้องไปแล้วศาลก็จะนัดฟังคำสั่งประทับรับฟ้องหรือไม่ ซึ่งก็จะมีการสืบพยานโจทย์ พยานจำเลยกัน ก็จะพิพากษาว่าจะผิดเท่าไหร่ ผิดอะไรยังไง ซึ่งอาจจะสั่งวันนี้ก็ได้ หรือนัดไปล่วงหน้า แล้วนัดฟังอีกทีนึงก็ได้เหมือนกัน”

โทษตรงนี้มีอะไรบ้าง
ทนายเจมส์ : “คดีหมิ่นประมาท มีโทษไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนครับ แล้วก็มีค่าเสียหายในทางแพ่งอีก 5 แสนบาท ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าศาลท่านจะให้เท่าไหร่ ต้องดูผลกระทบอีกทีนึงว่ากระทบกับงานของแอนนี่มากน้อยขนาดไหน”

วันนี้คู่กรณีมามั้ย
ทนายเจมส์ : “เห็นบอกว่าจะมานะ เขาติดต่อผมมาแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเขาะจะส่งทนายมาหรือเขามาเอง”

เราจะยอมไกล่เกลี่ยมั้ย
แอนนี่ : “ไม่ยอมค่ะ พี่เจมส์ก็ถามแล้วว่าจะไกล่เกลี่ยมั้ย แอนบอกว่าไม่ เพราะว่ามันเกินไป ถ้าทุกคนเห็นก็คงบอกว่ามันเกินไปจริงๆ”

มันมีคำที่กระทบใจเรามากๆ มั้ยในคอมเม้นต์
แอนนี่ : “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องคำ แต่มันเกี่ยวกับว่าเอาหน้าเด็กมาขึ้น และมาใส่คำพูดเป๊ะพอดี มาทำอย่างนี้ทำไม”

คอมเม้นต์นั้นเขาลบหรือยัง
ทนายเจมส์ : “เขาแจ้งว่าลบแล้วนะ แต่ไม่แน่ใจว่ามันอาจจะมีการดูดไป แล้วไปใช้ในเพจอื่นหรือเปล่า แต่ต้นตอลบแล้วเรียบร้อย”

เรื่องพรบ.คุ้มครองเด็กมีผลมั้ย
ทนายเจมส์ : “พรบ.คุ้มครองเด็กต้องแยกฟ้องต่างหาก เป็นอีกคดีนึง เพราะอันนั้นคือการไปเปิดเผยรูปหน้าของเด็ก และทำให้เด็กได้รับความเสียหาย มันอาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ ซึ่งกรณีนี้พรบ.คุ้มครองเด็กคุ้มครองเลย และมีโทษทางอาญา แต่โทษอาจจะไม่ได้สูงเท่าของกรณีแบบนี้”

จะเอาโทษนี้ด้วยมั้ย
แอนนี่ : “เอาค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นตัวอย่าง ว่าคุณจะไปทำอย่างนี้กับลูกชาวบ้านไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปกป้องลูกของคุณ คนที่อยู่ทางบ้าน แม่ทุกคนนะคะ ถ้าใครมาทำกับลูกคุณแบบนี้มีพรบ.คุ้มครองเด็กอยู่นะคะ ลูกคุณเป็นเยาวชน คุณสามารถใช้กฎหมายจัดการกับคนเหล่านี้ได้ค่ะ ถ้าตรงไหนฟ้องได้ก็ฟ้องหมดค่ะ”