น.ส.ไอริณ ศรีแกล้ว หรือ เปิ้ล ไอริณ เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ โบว์ อดีตผู้จัดการส่วนตัว ในข้อหาลักทรัพย์ และ ปอเปี๊ยะ กาลเวลา นักข่าวจากสำนักข่าวช่องดัง ในข้อหาสงสัยร่วมกันลักทรัพย์ หลังจากมีปัญหาเรื่องเงินค่าตัว ในการไปร่วมพูดคุยในรายการหนึ่ง
วันนี้เปิ้ลมาแจ้งความกับคุณโบว์ (อดีตผู้จัดการ) และกับคุณปอเปี๊ยะด้วย คุณโบว์แจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ส่วนคุณปอเปี๊ยะแจ้งในข้อหาสงสัยในการร่วมกันลักทรัพย์ค่ะ ก่อนหน้าที่เปิ้ลจะไปเวิร์คพอยท์ เปิ้ลกับโบว์มีปากเสียงกันมาก่อน เรามีปากเสียงกันอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกโบว์เขาพูดเรื่องการเมือง เขาบอกตัวเขาไม่ได้สนับสนุนลุงตู่ (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เขาเคยเชียร์ลุงตู่ แต่เขามีปัญหากับคุณประวิตร (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในเรื่องการฮั้วธุรกิจบางอย่าง แล้วเขาสูญเสียเงินไป 450 ล้านบาท งานอะไรไม่รู้ 500 ล้านบาท แล้วเขาได้แค่ 5 ล้านบาท เขาก็พูดเหมือนชักจูงให้เปิ้ลเปลี่ยนความคิด เปิ้ลก็เลยพูดกับโบว์ไปประโยคเดียวว่า เราไม่คุยการเมืองกันดีกว่า ขอมีสิทธิ์คิดเอง”
“ก่อนจะมารายการนี้ โบว์ส่งข้อความมาว่า ไปดีลกับปอเปี๊ยะมารายการนี้ ที่รายการเขามีบัดเจ็ตให้ 10,000 บาท เราก็ตอบตกลงไป แต่ก็ตะหงิดใจตอนบอกแฟนๆ ให้ติดตามรายการนี้ ทุกคนบอกระวังตัวนะ เราก็ไม่ได้คิดอะไร พอไปถึงปรากฏว่าทุกอย่างมันแปลกประหลาด จากการที่เราไปร่วมงานกับเวิร์คพอยท์เป็น 10 ครั้งแล้ว ทุกคนจะรู้ดีว่าระบบการทำงานของเวิร์คพอยท์จะโปรเฟสชั่นแนลมาก ไปถึงมีคนต้อนรับ ให้คนมาดูแลเรา พาไปตรวจ ATK พาไปทานอาหาร ให้การต้อนรับดาราอย่างที่สุด แต่วันที่เปิ้ลไป เขายื่นกล่องเอทีเคมาแล้วบอกให้ตรวจเองนะ แล้วโบว์ก็มาเลทไปชั่วโมงครึ่ง เปิ้ลอยู่คนเดียว จนต้องโทรไปขอให้รายการอื่นมารับหน่อย”
“ปกติพอดาราไปถึง เขาจะให้เราไปอยู่ในห้องเก็บตัวดาราที่เป็นห้องแต่งตัว เปิ้ลก็งงว่าคราวนี้ทำไมพาเราไปห้องทำงาน อยู่ในห้องประชุมไม่มีกระจกสักบาน แล้วก็แปลกเรื่องหนึ่ง เปิ้ลไปกันสองคน เอาข้าวมาให้กล่องเดียว เขาบอกมีแค่นี้พอดีวันนี้วันหยุด คือการต้อนรับตอนต้นเปิ้ลตะหงิดขึ้นมาแล้วว่าทำไมตอนที่เพลงเราเปรี้ยงๆ การต้อนรับมันคนละแบบเลยกับวันนี้ที่มาเรารู้สึกตัวเล็กตัวน้อยมากๆ บอกให้รู้ว่าเปิ้ลรู้สึกผิดปกติ”
“ในเรื่องของเงิน พอเปิ้ลทราบว่าค่าตอบแทน 10,000 บาท เปิ้ลก็โอเค แต่ก่อนหน้านี้เราเคยตกลงกันว่าถ้าเป็นงานที่เขาติดต่อเปิ้ลโดยตรงมา แล้วเปิ้ลให้โบว์คุยงานต่อ จะแบ่งให้โบว์ 10% แต่ถ้างานไหนที่โบว์ไปหามา จะแบ่งให้ 20% มันก็เป็นระบบปกติของการทำงาน พอเสร็จงาน โบว์บอกว่าได้เงินหมื่นนึง แต่เด็กของเวิร์คพอยท์เขายื่นซองมาให้เปิ้ลเซ็นรับบนใบกำกับภาษี มันก็เขียนว่า 15,000 บาท ตอนที่เด็กทำท่าจะยื่นซองมา โบว์ก็วิ่งมาแทรกตรงกลางเหมือนจะมาคว้าซองไป แล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่โอนเอง เราก็งง เพราะเห็นซองเขียน 15,000 ในใจเปิ้ลรู้สึกเจ็บมาก”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับ 5,000, 3,000, 8,000 หรอก ก่อนที่เปิ้ลจะเป็นดารา ทุกคนก็ทราบดีเปิ้ลไลฟ์สด 2 ชั่วโมง เปิ้ลทำงานได้เป็นแสน แต่นี่เปิ้ลตั้งใจทำและมามีจุดยืนของเปิ้ลในการที่อยากจะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วทำไมเราจะต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย แล้วยังมามีเรื่องเงินอีกเหรอ มันปวดร้าวระดับนึงแล้วนะ แล้วพอสัมภาษณ์เสร็จ เปิ้ลขึ้นรถมา โบว์ก็พูดกับเปิ้ลขึ้นมา ส่วนของพี่ไม่ต้องโอนมาแล้วนะ พอดีปอเปี๊ยะเขาแบ่งให้แล้ว เขาพูดอย่างนี้จริงๆ ทุกคำพูดเปิ้ลต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เปิ้ลไม่โกหก เขาบอกไม่เป็นไรแบ่งให้แล้ว เราก็งง โบว์ใจดีนะ “
“เปิ้ลจะบอกว่ามันไม่ได้เกิดอย่างนี้มาครั้งเดียว ดาราคนอื่นเขาไปร้องข้ามกำแพงได้ 2-3 หมื่น แต่เปิ้ลได้หลักพันกลับบ้าน แล้วโบว์ก็โอนเงินให้ผ่านบัญชีโบว์อีก แล้วใบกำกับภาษีมามันก็ไม่ใช่ยอดนั้น ซึ่งเราโดนมาแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งบางคลินิกที่เขาติดต่อเปิ้ลตรงในจำนวนเท่านี้ แล้วเปิ้ลให้คอนเนกชั่นโบว์ไป โบว์ก็ไปติดต่อเพิ่มเงินอีกเป็นก้อนหนึ่ง แต่ให้เปิ้ลในจำนวนที่เขาติดต่อ แล้วเปิ้ลก็ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์นั้นให้อีก คิดง่ายๆ ถ้างานนี้เปิ้ลได้ 15,000 บาท แต่เปิ้ลไม่รู้ เปิ้ลคิดว่าได้ 10,000 บาท เปิ้ลแบ่งให้โบว์ไป 2,000 ก็เหลือ 8,000 บาท หักภาษีอีก 500 เท่ากับเปิ้ลได้ 50-50 % กับโบว์เลยนะ ได้คนละ 7,500 มันแฟร์เหรอ เปิ้ลไปทำงานตั้งแต่เที่ยง เสร็จงานกว่าจะแถลงข่าวเสร็จกลับบ้าน 2 ทุ่ม ได้เงินหลักพันกลับบ้าน โดนลากไปตบปู้ยี่ปู้ยำหมดเลย แล้วที่สำคัญพอเปิ้ลกลับบ้าน ซองโดนเปิด เปิ้ลมานับเงินมันเหลือแค่หมื่นเดียวค่ะ โบว์ว์ว์ว์ก็ยังยืนยันว่าในส่วนของพี่เปิ้ลพอดีปอเปี๊ยะเขาจัดการ เขาแบ่งเรียบร้อยแล้ว เปิ้ลก็รู้สึกว่ามันก็เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ”
“ก็อย่างที่บอกค่ะ เปิ้ลอยู่ในวงการนี้มา 30 ปีแล้ว เปิ้ลรู้ว่าวงการนี้มันไม่ได้ง่าย สำหรับตัวที่ไม่ได้เป็นตัวเอก เปิ้ลอยู่ตรงนี้มา 30 ปี ก็ทนอยู่กับตรงนี้ เราก็รู้ดีเราก็ต้องปิดตาบ้าง เราต้องไม่เห็นบ้าง เราต้องช่างมันเถอะบ้าง เราก็พยายามมองว่าเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และพยายามเข้าใจคนอื่น ทำไมเปิ้ลเจอเรื่องพวกนี้ซ้ำซาก เพราะเปิ้ลเป็นคนขี้ไว้ใจคน และเปิ้ลเป็นคนไม่ระแวงคน เมื่อวานผู้จัดการเปิ้ลคนใหม่ชื่อพี่นุชยังด่าเปิ้ล คือเปิ้ลยกทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นของแม่ ให้กับแม่บ้านที่เป็นคนใช้ เพราะเปิ้ลไปบ้านเห็นเขาเลี้ยงลูกอ่อน แล้วเปิ้ลให้เขาอยู่ฟรีมา 10 ปี ก็เลยยกให้เป็นชื่อเขา ผู้จัดการก็เลยด่าว่า เธอทำไมเป็นคนใจดีแบบนี้ นี่มันมรดกแม่เธอนะ”
“ถามว่าได้เคลียร์กับโบว์ไหม ก็เหมือนที่บอกว่าเขาได้โทรมาคุยล่าสุด เขาก็ยังยืนยันว่าเขาได้คุยกับปอเปี๊ยะ เขาบอกว่าปอเปี๊ยะเป็นคนหางานนี้ให้ และปอเปี๊ยะก็เป็นคนที่แบ่งให้เขาเรียบร้อยแล้ว ทางเวิร์คพอยท์วิดีโอออกมาให้ดู เห็นว่าเขามีการควักกระเป๋า แต่กระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋าส่วนตัวเปิ้ล มันสมควรเหรอที่คุณจะเปิดกระเป๋าเปิ้ล แล้วคุณควักไปในกระเป๋าเปิ้ล แล้วเปิ้ลใส่ซองยัดไว้ลึกสุด แล้วล้วงไปหยิบซอง ฉีกซองแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าเปิ้ล เปิ้ลคิดว่ามันล้ำเส้นเกินไปมาก”
“คือเปิ้ลเชื่อว่าถ้าเปิ้ลไม่ออกมาพูด ดารานักแสดงอีกหลายคน ก็คงต้องโดนแบบเปิ้ล แล้วมันเป็นการไม่ให้เกียรติกัน ซึ่งที่ผ่านมาเปิ้ลหลับหูหลับตา ที่เปิ้ลเชื่อว่าดาราปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เช่น เปิ้ลไปอัดรายการที่ช่อง 3 โบว์เขาก็เอาลูกสาวเขามา ใส่ชุดนักร้องที่เปิ้ลใส่ แล้วก็เอามาเต้นบอกว่าพี่เปิ้ลเต้นคัฟเวอร์กับน้องหน่อย คนก็ดู TikTok เขาเป็น 100 ล้าน แต่เปิ้ลไม่ได้ว่าก็เต้นกับเด็กก็สนุกดี แต่เขาควรจะบอกเปิ้ล ว่าวันนี้เขาจะเอาใครมาร่วมงาน หรือว่าจะให้เปิ้ลทำอะไร
เขาถือวิสาสะในชีวิตเปิ้ลตลอด พี่คิ้มไปอัดรายการที่บ้าน ทั้งที่รายการก็ติดต่อตรงนะ แต่โบว์เขามาดูแลเปิ้ล ก็เอาเพชรปากปลาร้ามาด้วย เขาบอกพี่เปิ้ลหวัดดีและเขาก็เดินมากับเพชรบอกว่า เดี๋ยวอัดรายการกับพี่คิ้มเสร็จแล้ว อัดรายการให้โบว์ต่อนะ เดี๋ยวพวกเราจะนั่งคุยกันบนเตียงพี่ คือมันถือวิสาสะ แต่เปิ้ลก็ยอม พอถ่ายเสร็จเปิ้ลก็ยังช่วยโปรโมตรายการให้ด้วย โดยที่เปิ้ลไม่ได้คิดอะไร ขนาดเปิ้ลไลฟ์สดเขายังเอาน้ำหอมขึ้นมาให้เปิ้ลโปรโมต คือพยายามใช้ความมีชื่อเสียงของเราในการที่จะทำอะไรตลอดเวลา จริงๆ เปิ้ลกับโบว์เพิ่งมาสนิทกันเมื่อตอนทำเพลง ไม่ได้สนิทสนมกับเขามาก แต่เห็นว่าเวลาทำเพลงเขาก็ตั้งไจช่วยงานเราได้ดี เพราะฉะนั้นเปิ้ลก็เลยอยากที่จะตอบแทนอยากให้เขาได้มีส่วนจากเราบ้าง”
“ในส่วนของปอเปี๊ยะ เปิ้ลมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เปิ้ลได้รับจากการไปทำงานที่เวิร์คพอยท์ครั้งนี้ ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ไม่อยากให้เกิดขึ้นในสังคม ไม่อยากให้คนอื่นที่เขาอาจจะไม่มีภูมิต้านทานเท่าเปิ้ลต้องไปเจออะไรแบบนี้อีก เปิ้ลจะบอกให้ฟังว่าเปิ้ลเจออะไรมาบ้าง อันดับแรก เวลาที่ดาราจะไปรายการสด ซึ่งรายการสดเราจะต้องใช้ไหวพริบ เราไม่รู้ว่าเราจะไปเจออะไรบ้าง ทุกอย่างมาถ่ายทอดออกไปหมด ใครจะต้องส่งสคริปต์โดยละเอียด ว่าจะมีคำถามอะไรบ้าง โดยเฉพาะคำถามที่จะเกี่ยวข้องกับการเมือง ที่มันจะอิมแพคเป็นวงกว้าง แต่เขาส่งคำถามมาให้เปิ้ล 2 คำถาม ว่าจะถามเรื่องชุดลูกเสือ โบว์บอกว่าเขาถามเรื่องชุดลูกเสือเรื่องเดียว แล้วเปิ้ลก็เลยบอกว่าขอคำถามแบบละเอียดได้ไหม ว่ามีอะไรอีก เขาก็เลยบอกว่าจะถามเรื่องถูกแคนเซิลงาน เขาบอกเปิ้ลมาแค่ 2 อย่างนี้จริงๆ
ปกติทำงานที่เวิร์คพอยท์เขาจะส่งสคริปต์ 3 หน้าเป็นโปรไฟล์เลย แต่คราวนี้ส่งมาให้แค่นี้ เปิ้ลก็รู้สึกแปลกใจ แต่พอไปถึงปุ๊บสิ่งที่เปิ้ลไม่ชอบ ทำไมเขาถึงให้อาจารย์เจษ ซึ่งอาจารย์เจษทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ล่าสุดเขาก็ออกมายกย่องพรรคส้ม ทำไมเขาถึงให้คนในพรรคส้มมาฟังบทสนทนาที่เปิ้ลพูด โดยที่ไม่บอกเปิ้ลล่วงหน้า เวิร์คพอยท์ทำถูกไหม ตอนที่เปิ้ลกำลังพูดชุดลูกเสือ บอกว่าชุดลูกเสือพระมงกุฎเกล้า นำมาจากประเทศอังกฤษ พอเปิ้ลพูดจบปุ๊บ อาจารย์เจษเข้ามา บอกว่าคุณเปิ้ลอย่าไปยึดติดกับอดีต ผมเนี่ยนะสมัยเด็กๆ เปิ้ลเลยบอกว่าอาจารย์ไม่ให้เปิ้ลยึดติดกับอดีต ทำไมอาจารย์ยึดติดพูดถึงอดีตทำไม ปอเปี๊ยะเขาโมโหมาก ชี้หน้าแล้วด่าเปิ้ลประมาณ 4-5 ประโยค พี่เปิ้ลตอนพี่พูด หนูฟังพี่ตลอดเลยนะ ด่าจนทุกคนเข้าไปชมหมด บอกว่าปอเปี๊ยะเก่งเอามันอยู่เลย อีไม่มีมารยาท คืออะไร”
“หนูพูดได้เลยนะ หนูรู้สึกว่าสิ่งที่หนูเจอเหมือนหมาลอบกัด เหมือนหมาที่รุมกัดคน คำว่าหมาไม่หมิ่นประมาทค่ะ เพราะวิญญูชนรู้ดีว่าหมามันแปลงไปเป็นคนไม่ได้ เปิ้ลอ่านข้อกฎหมายมาแล้ว ทำไมเขาให้คนของพรรคก้าวไกลมาแอบฟังที่เปิ้ลพูด ซี่งเปิ้ลปฏิเสธไปในเทปนั้นว่าเปิ้ลไม่อยากพูดกับอาจารย์คนไหนทั้งนั้น ไม่รู้จัก แต่เขาก็บอกว่าอาจารย์ได้ยินที่คุณเปิ้ลพูดแล้วใช่ไหมคะ เขาให้คนแอบดักฟังเปิ้ลอยู่ โดยที่เขาไม่ได้บอกเราล่วงหน้าว่าจะมีคนนี้เข้ามาโฟนอินในรายการ มาแอบฟังเรา และเขาก็มาอธิปรายโต้เถียงกับเปิ้ล เขามีสิทธิอะไรมาทำอย่างนั้น ไม่สมควร แล้วมาบอกว่าทำไมเปิ้ลถึงชมลุงตู่ ทำไมเปิ้ลถึงบอกว่าพระแม่ธรณีมาขอบใจลุงตู่ เปิ้ลก็บอกว่าเปิ้ลไม่ได้พูด เพราะเปิ้ลเป็นคนไม่เคยพูดคำว่าขอบใจ เปิ้ลพูดคำว่าขอบคุณ พระแม่ธรณีบอกว่าขอบคุณนะลุงตู่
แล้วเขาก็ตัดท่อนนี้เอาไปลง ว่าเปิ้ล ไอริณจำคำพูดตัวเองไม่ได้ ทำให้เปิ้ลดูเป็นคนโกหกตอแหล ดูเป็นคนที่พูดอะไรแล้วไม่จำคำพูดของตัวเอง เขาตัดเฉพาะตรงนี้ไปลง แต่สาระที่เปิ้ลพูดเกี่ยวกับลูกเสือ สาระเกี่ยวกับเด็ก สาระเยอะแยะเกี่ยวกับผลงานประเทศ เกี่ยวกับหนี้ที่มีคนสร้างไว้ เขาไม่เอาทั้งสิ้น เขาเอาอย่างเดียวคือเปิ้ล ไอริณจำคำพูดตัวเองไม่ได้ว่าพูดขอบใจหรือขอบคุณ และพูดชักนำคนมารุมด่า รวมถึงในรายการเปิ้ลก็เริ่มเห็นแล้วเขาเขียนหัวข้อไว้ว่า เปิ้ล ไอริณโดนทัวร์ลงพันกว่าคน เขาเหมือนพูดชักนำให้คนเข้ามาด่าและเกลียดชัง เปิ้ลก็เลยถามเขาว่าในเพจเปิ้ลคนมาชมหมื่นกว่าคน ทำไมพี่ไม่พูด ทำไมถึงชักนำตรงนี้ เขาก็โวยวายขึ้นมาเลยค่ะ”
“มีเรื่องข้อสงสัยในการร่วมกันลักทรัพย์ค่ะ เพราะตอนที่โบว์ล้วงกระเป๋าเปิ้ล ปอเปี๊ยะเขาเหมือนยืนบังแล้วโบว์ก็ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังเขา ถามหน่อยว่าพิธีกรเสร็จงานเลิกงานไปนานมากๆ แล้ว และเขาไปยืนตรงคนที่ล้วงเงินทำไม อันนี้ก็เป็นข้อสังเกต และโบว์ก็บอกเปิ้ลว่างานนี้จัดแถลงหลังจากที่เปิ้ลจะอัดรายการเสร็จ โดยเวิร์คพอยท์เป็นคนเรียกนักข่าวเอง ซึ่งเปิ้ลก็ไม่เชื่อ เปิ้ลเชื่อว่าเขาเป็นคนเรียกเอง ไม่ใช่รายการ เวิร์คพอยท์เป็นคนเรียก แต่เวิร์คพอยท์ตัดตอนที่ไม่ดีที่สุดของเปิ้ลไปลงและด่าเปิ้ล อย่างนี้เวิร์คพอยท์ต้องแสดงความรับผิดชอบนะคะ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง คุณเรียกเราไปอัดรายการ เสร็จแล้วคุณก็เรียกนักข่าวไปแถลงข่าว เราต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น และคุณเอาส่วนของเราไปขยายทำให้คนเกลียดชังเรา เกิดการบิดเบือนและทำให้คนเข้าใจผิด เวิร์คพอยท์ต้องรับผิดชอบนะคะ”
“มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ฟ้าดินเองก็คงต้องงงนะคะ มันมีด้วยเหรอคนที่ตั้งใจออกมาปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เขาไปรายการนี้เพราะเขาโดนรังแกมา เขาโดนยกเลิกงาน แคนเซิลงานมา เหมือนเขาจะไปหาที่พึ่ง แต่พอไปถึงคุณเอาคนฝั่งโน้นมาดีเบตกับเขากลางรายการโดยไม่บอกเขา ตัวหัวข้อคุณก็ไม่ได้บอกเขาครบว่าจะมีอะไรบ้าง หมกเม็ดทำไม และพอภาพออกไปคุณก็เอาแต่ส่วนไม่ดีเขาไปลง และยังจะฟ้องกลับเปิ้ลอีกเหรอ 10 ต่อเลยนะ กับความดีที่เปิ้ลอยากจะเซฟ 112 และปกป้องสถาบันฯ เปิ้ลจะต้องเจออะไรเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ เปิ้ลเชื่อว่าฟ้าดินเองคงไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกค่ะ”