เต๋า สมชาย เปิดใจโชว์โมเมนต์หวานจูบภรรยา ครบรอบแต่งงาน 10 ปี

0
739

เต๋า สมชาย เปิดใจโชว์โมเมนต์หวานจูบภรรยา ครบรอบแต่งงาน 10 ปี

 

 

 

นานๆ ทีจะมีโมเมนต์หวานๆโชว์ออกสื่อ สำหรับหนุ่มเต๋า สมชาย ที่ล่าสุดเพิ่งโพสต์รูปจูบปากภรรยา พร้อมแคปชั่นบอกรัก เนื่องในโอกาาวันครบรอบแต่งงาน 10ปี งานนี้เจ้าตัวบอกหวานกับภรรยาเป็นปกติอยู่แล้ว

ครบรอบ 10 ปีกับภรรยา?
“เป็น 10 ปีที่มีความสุข เราดูแลซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นผม เป็นภรรยาผมและลูกน้อยตลอด เป็นการครบรอบที่ดี เปลี่ยนจากเลขตัวเดียว เป็นเลขสองตัว”

เราเป็นผู้ชายโรแมนติกเหรอ?
“ก็พอได้อยู่ ดูตามยูทูป”
กลัวเด็กรุ่นใหม่นำ เราต้องตามให้ทันใช่ไหม?
“ไม่เกี่ยวครับ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเด็กรุ่นใหม่ มันอยู่ที่ตัวเรา สิ่งที่เราคิด ปฎิบัติ มันอยู่ที่คุณภาพในการทำงานของเรา เพราะจริงๆ การแข่งขันมันมีตลอดเวลาอยู่แล้ว สำหรับทุกอาชีพ หนึ่งเราต้องดูแลตัวเองให้ดี และคุณภาพในการทำงานต้องดี จริงๆ ทุกคนที่ทำงานก็อยากจะได้ความก้าวหน้า”

10ปี นอกจากโพสต์หวาน มีของขวัญให้กันไหม?
“ปีนี้ผมมีดอกไม้ ทุกทีไม่มี ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ดี เป็นแอนนิเวอร์ซารี่ 10 ปี เหมือน 1 ทศวรรษแล้วมันน่าจะมีอะไรพิเศษ เขายังเซอร์ไพรส์เลยว่าปีนี้มีดอกไม้ ก็อยากให้ก็ให้”

มีจูบโชว์ออกสื่อด้วย?
“ทุกวันครับ ออกสื่อทุกวัน ในไอจีเขาก็บอกผมว่า พาฉันไปจูบทุกที่ที่เธอไป ตอนนี้ปากก็อร่อยดีครับ”

ที่โพสต์มีเขินไหม?
“ผมไม่เขิน มันเป็นไอจีของภรรยาผม ผมมีไอจีก็ไม่มีรูป มีแต่เอาไว้ดูลูก ดูฟุตบอล ดูสิ่งที่เราชอบแค่นั้นเอง เฟซบุ๊กผมก็ไม่มี คนที่โพสต์จะเป็นภรรยาผม ซึ่งผมไม่เขินอยู่แล้ว”

วันนั้นที่ไปฉลอง คือทิ้งลูกไว้บ้าน?
“ไม่เคยทิ้งลูกครับชีวิตผม ผมดูลูกตลอด ลูกผมครับ ลูกคนไม่ใช่ลูกหมา”

หมายถึงวันนั้นเอาลูกไปฉลองด้วย?
“ผมเป็นคนเลี้ยงลูก และน้าผมดูแลมา 8-9 ปีแล้ว ไม่ได้ทิ้ง แต่วันนั้นเป็นวาระพิเศษ ลูกๆ ผมจะบอกเลยว่า วันนี้ป๊าไปนะ แล้วป๊าจะกลับกี่โมง ผมก็บอกคงมีสัก 4 ทุ่ม ให้หนูนอนไปก่อนเลย แล้วพรุ่งนี้เช้าตื่นมา มาปลุกป๊านะ เดี๋ยวป๊าเดินไปส่ง แค่นั้นเอง ผมไม่ได้ทิ้ง”

ปกติเราหวานต่อหน้าลูกไหม?
“ตลอดครับ เพราะวิธีการของผม คือผมทำกับภรรยายังไง ผมก็ทำกับลูกแบบนั้น ลูกสาวเราเข้ามา ก็ต้องเข้ามากอดมาหอม ซึ่งผมถามกับเขาว่า ถ้าลูกโตเป็นสาวป๊ายังทำได้อยู่มั้ย เขาก็มองหน้า เราเลยแซวว่า หรือจะให้คนอื่นทำแทนปะป๊า เขาก็เขิน ส่วนลูกชาย ถ้ากอดยังโอเค แต่พอจะหอม เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่อะป๊า ผู้ชายต้องหอมผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายหอมผู้ชาย มันจั๊กกะจี้”

หลังๆ มาเป็นสายหวาน หรือเป็นมานานแล้ว?
“ไม่หรอกครับ คือโดยปกติการใช้ชีวิตมันเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิต ต้องคุยว่าตอนเราจีบกันเราเป็นยังไง เราก็เป็นแบบนั้น เราทำทุกวัน ผมว่าการกอดกัน การหอมกัน จุ๊บกัน เป็นสิ่งที่ดีนะ ทำให้เราเพิ่มความรัก ความสุขได้ทุกๆ วัน ซึ่งผมทำกับภรรยาและลูกเหมือนกัน”

ลุคส์เราดูดุแต่จริงๆแล้วอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มาก?
“ผมก็ดุตลอดนะ มนุษย์ต้องมีหลายภาค ลูกผมก็ดุ ถ้าเขาทำดีก็ต้องชื่นชม อะไรที่ไม่ดีก็ต้องบอกกล่าว ซึ่งบางครั้งเขางอน แต่ผมก็บอกเขาว่าป๊าไม่ง้อนะเพราะสิ่งที่หนูทำมันผิด เมื่อไหร่ที่คิดได้ค่อยเดินกลับมาหาป๊า บางทีเขาก็จะมาอ้อน ไปหาแม่บอกแม่ว่าป๊าโกรธ เราก็บอกไปว่าป๊าไม่ได้โกรธแต่ยังไม่อยากคุยด้วย ลูกเราก็ต้องเลี้ยงให้เป็นในแบบฉบับของเรา ผิดถูกก็ว่ากันตรงๆ บางครั้งผมผิดผมก็ขอโทษ บางทีเราเห็นแค่ปลายทาง ไม่เห็นว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นแล้วไปดุเขา เขาก็เสียใจว่าเขาไม่ได้ทำ พอเขาอธิบายเราก็เข้าใจ คนเราเวลาอยู่ด้วยกันควรมอบสิ่งดีๆ ให้การ มีการขอโทษ การให้อภัยกันและกัน ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วถูกทุกอย่าง ทุกคนเท่ากันหมด”

เราไม่เคยสปอยด์ลูก?
“ก็อย่างที่บอกคือเราพยายามทำให้ลูกเป็นคนทั่วไป สามารถไปไหนก็ได้ เป็นลูกคนไม่ใช่ลูกเทวดา ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการของคนอื่นผิดแล้วของผมถูก วิธีการเลี้ยงลูกของแต่ละคนถูกต้องที่สุดในแบบของแต่ละครอบครัว บางทีคนอื่นเดินมาเห็นผมเลี้ยงลูกเขาอาจจะไม่ชอบก็ได้ หรือบางทีผมเดินไปเห็นคนอื่นเลี้ยงลูกผมอาจจะไม่ชอบแต่ไม่ยุ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วนั่นคือครอบครัวของผม ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกได้รับในสิ่งที่ไม่ดีหรอก เราต้องการสิ่งดีๆให้เขา ทุกวันนี้เวลาผมทำงานกับมอส-ปฏิภาณ เมื่อก่อนเขาอยู่ศรีย่าน ผมอยู่คลองเตย คบกันมาตั้งแต่เด็ก คบกันตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว เรารู้ว่าชีวิตเราเป็นยังไง เมื่อก่อนผมเรียนเทพศิรินทร์ เรียนท่าเรือวิทยา มอสเรียนโยธินแล้วมาเรียนอุเทนถวาย แต่วันนี้ลูกเราเรียนอินเตอร์ มันคือที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรสุดกว่านี้ มันคือสิ่งที่เด็กต้องคิดไปข้างหน้าว่าเขาจะทำอะไรต่อ สิ่งสำคัญที่ผมคุยกับภรรยา คุยกับมอสคือถ้าเรายังมีแรงอยู่เราควรจะทำงานให้ได้เงินในสิ่งที่เราควรจะได้ และควรจะลงทุนในเรื่องการศึกษาให้ลูกเรา ท้ายที่สุดแล้วความรู้ไม่มีใครเอาไปได้ นอกจากตัวคุณ คุณต้องสะสมเอง หนูอยากได้อะไรต้องทำงานเก็บเงินและสร้างมันขึ้นมาเหมือนอย่างวันนี้ที่ป๊ากับแม่ทำให้ เรากำลังปลูกฝังเขาว่าถ้าคิดอยากจะทำอะไรให้มุ่งมั่นและพยายาม อย่างวันนี้ผมวิ่งมาราธอนทั้งที่เป็นโรคเข่าเสื่อมซึ่งไม่มีโอกาสที่จะวิ่งได้อยู่แล้ว แต่ผมอยากทำให้ลูกดูว่าถ้าเรามุ่งมั่นและตั้งใจ มันไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ ถ้ายอมแพ้เราจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต ผมไม่ได้ทำให้ดูแค่ครั้งเดียว แต่ผมทำให้เขาดู 3 ครั้ง เดินหน้าก็จะอีก และจะทำไปเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น สุขภาพเราหาซื้อที่ไหนไม่ได้ ต้องดูแลเอง ถ้าสุขภาพดีก็จะมีชีวิตที่ยืนยาว จะได้อยู่กับคนที่เรารักนานๆ ดูเขาประสบความสำเร็จในชีวิต”