ฝันชาวบ้านที่ราบเชิงเขาภูพาน ใกล้ความจริง 40 ปี ที่รอคอยอ่าง

0
881

ฝันชาวบ้านที่ราบเชิงเขาภูพาน ใกล้ความจริง 40 ปี ที่รอคอยอ่าง

 

 

กว่า 40 ปีที่รอคอย ความหวังของราษฎรบ้านแก้งกะอามเริ่มเป็นรูปธรรม เมื่อกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยหลัว จังหวัดกาฬสินธุ์ บ้านแก้งกะอาม เป็นหมู่บ้านที่อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาภูพาน ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก จึงทำให้เพาะปลูกพืชได้เพียงปีละครั้ง อีกทั้งบางปีที่ฝนทิ้งช่วงก็ทำให้นาข้าวได้รับความเสียหาย ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงได้รวมตัวกันร้องขอต่อนายกรัฐมนตรีให้สร้างอ่างเก็บน้ำผาเสวยตั้งแต่ปี พ.ศ.2519

กรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาวางโครงการพบว่า สามารถที่จะพัฒนาเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางได้ โดยสร้างเขื่อนกั้นลำห้วยหลัวที่บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านแก้งกะอาม ต.ผาเสวย สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 8.27 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากพื้นที่หัวงานและอ่างเก็บน้ำอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูพานซ้อนทับป่าสงวนแห่งชาติแก้งกะอาม จำนวน 839 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สงวนไว้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญ กรมชลประทานจึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA
ล่าสุดกรมชลประทาน นำสื่อมวลชน ติดตามโครงการนี้ โดยการศึกษาได้ดำเนินการตามแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มกราคม, 2559) ซึ่งแบ่งหัวข้อที่ศึกษาไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย ทรัพยากรกายภาพ ทรัพยากรชีวภาพ คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต โดยการศึกษาได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล สำรวจ และเก็บข้อมูลในภาคสนาม

“พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีพื้นที่รับน้ำ 3,300 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เก็บได้ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม. เฉพาะที่เขื่อนลำปาว 1,980 ล้าน ลบ.ม. โดยการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กเพิ่มนั้นจะช่วยสนับสนุนการทำการเกษตร ทั้งนี้ในจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น ฤดูฝนจะมีบางพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม แต่พอฤดูแล้งก็แล้ง การมีอ่างเพิ่มขึ้นจะให้ประโยชน์แบ่งเป็น ตัดยอดน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม เพราะการทำอ่างเก็บน้ำดังกล่าวจะทำให้เก็บน้ำเพิ่มได้อีกราว 8 ล้าน ลบ.ม. อย่างที่สองคือจะสามารถเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งได้ ทั้งนี้การจัดทำต้องศึกษาให้รอบด้าน เพราะงบประมาณในการจัดทำนั้นเพียงในส่วนการเวนคืนที่ดินก็เป็นเงินถึง 90 กว่าล้านบาท” พ่อเมืองกาฬสินธุ์ ไกรสร กองฉลาด ให้ข้อมูลเชิงกายภาพของพื้นที่
ฝากฝั่งกรมชลประทาน โดย สุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ถึงการร้องขอของประชาชนต่อรัฐบาลในปี 2519 นั้น เนื่องมาจากฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผลผลิตตกต่ำ ซึ่งเมื่อกรมชลประทานพิจารณาพื้นที่แล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถจัดทำเป็นอ่างเก็บน้ำได้ โดยจะจัดทำในลักษณะทำนบดิน สูง 23.5 เมตร ความยาวสัน 225 เมตร และจะสามารถเก็บกักน้ำได้ราว 8.27 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวจะมีน้ำไหลเข้าสู่อ่างเฉลี่ยปีละราว 10 ล้าน ลบ.ม.
โดยการออกแบบเบื้องต้นจะเป็นระบบคลองและท่อส่งน้ำแยกเป็นฝั่งซ้ายและขวา โดยฝั่งขวาเป็นระบบท่อ 5.4 กม. เป็นระบบคลองเปิด 5.3 กม. เป็นพื้นที่รับประโยชน์กว่า 3,744 ไร่ ส่วนฝั่งซ้าย เป็นระบบท่อ 1.9 กม. เป็นคลองเปิด 2.9 กม. มีพื้นที่รับประโยชน์ ประมาณ 1,746 ไร่

โดยพื้นที่ในการจัดทำอ่างเก็บน้ำดังกล่าวมีความทับซ้อนกับบริเวณชายขอบของอุทยานแห่งชาติภูพาน และเมื่อจัดทำอ่างเก็บน้ำ จะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบราว 839 ไร่ ทว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทางการเกษตรไปแล้ว 400 ไร่ เป็นเกษตรกร 50 ราย เนื่องจากการขีดเส้นเขตอุทยานในอดีตทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยและที่ทำการเกษตรของประชาชน ส่วนที่เหลือเป็นป่าเต็งรัง ไม่พบพืชพรรณหายาก หรือเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ด้านสัตว์ป่าพบเป็นสัตว์จำพวกนก นอกจากนี้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงูและกิ้งก่า รวมถึงสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนูพุกใหญ่ กระแต เป็นต้น ไม่พบสัตว์ป่าสงวน โดยหากเริ่มก่อสร้างแล้วจะมีการอพยพสัตว์ป่าออกจากพื้นที่ก่อน
ซึ่งต้องทำเรื่องขออนุญาติให้คณะรัฐมนตรีทำเรื่องเพิกถอนสถานะพื้นที่ดังกล่าวจากความเป็นอุทยาน โดยจำเป็นต้องใช้รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ปัจจุบันอยู่ในช่วงสุดท้ายของการศึกษา ซึ่งมีการประชุมที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในการปัจฉิมนิเทศโครงการเรียบร้อยแล้ว โดยจากการพูดคุยกับภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างอ่างเก็บน้ำนั้น ล้วนมีความยินดีจะให้เกิดการสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น หากได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประชาชนอีกราว 149 รายที่อาศัยและทำการเกษตรอยู่ตามแนวท่อส่งน้ำทั้งฝั่งซ้ายและขวาของโครงการ

ในส่วนงบประมาณในการจัดทำโครงการแบ่งได้เป็น ค่าก่อสร้าง 625 ล้านบาท ค่าชดเชยในการเวนคืนที่ดินทางเกษตรอยู่ที่ 94.6 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIMP) งบประมาณ 46 ล้านบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินลงทุน 766 ล้านบาท

หากฝันของชาวบ้านเป็นจริง อ่างเก็บน้ำห้วยหลัวแห่งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภคแล้ว ยังมีผลประโยชน์ทางอ้อมต่อทรัพยากรธรรมชาติบริเวณพื้นที่รอบ ๆ โครงการอีกด้วย แถมยังช่วยให้ลำน้ำห้วยหลัวมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูแล้ง ทำให้ระบบนิเวศน์ในน้ำ เช่น แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น และนอกจากนี้ยังสามารถปล่อยน้ำให้กับน้ำตกแก้งกะอามในช่วงสงกรานต์เพื่อสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่ได้อีกด้วย