เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าแก่กว่าบาที่ได้รับ งานนี้ทำเอาสาวจั๊กจั่น อคัมย์สิริ ออกปากบอกอยากให้คนวิจารณ์ติดตามผลงานก่อน เพราะละครที่รับแม้จะเป็นละครรีเมคแต่ก็มีการปรับเปลี่ยนบทให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมเผยจ่อเข้ารับการผ่าตัดหมอนรองกระดูกเข่า แอบหวั่นต้องพักฟื้นนานกว่า 4 เดือน นอกจากนี้สาวจั๊กจั่นยังอัพเดทความรักหนุ่มนอกวงการที่คบหาดูใจกันมากว่า 2 ปี ยันไม่ได้ปิดปัง แต่ไม่ได้เปิดตัวออกสื่อ
เป็นไงกับละครเรื่องสะไภ้ไร้ศักดินา?
“เวอร์ชั่นนี้อยากให้ทุกคนติดตามค่ะ เพราะว่าอยากบอกว่าสนุกมาก นักแสดงคับคั่ง เพลงก็เป็นเพลงที่แต่งใหม่ด้วย เข้ากับยุคสมัย ไม่ใช่แค่จั่นร้องนะ นักแสดงท่านอื่นก็ร้องด้วย มุขตลกแบบแน่นๆ จัดเต็ม รับรองว่าสนุกแน่นอน ดูไปต้องยิ้มตาม ตอนจั่นถ่ายเองยังรู้สึกว่าละครเรามันเป็นละครตลกดีเนอะ หัวเราะตลอดเลย”
ไม่ค่อยมีละครที่เป็นแนวร้องเพลงมานานแล้ว?
“ใช่ค่ะ จั่นรู้สึกว่าน่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี อยากให้ทุกคนดูกัน เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา เราก็ค่อนข้างจะเครียดกัน ถ้าได้มาดู ก็จะได้ยิ้มตาม”
เป็นครั้งแรกในการร้องเพลงในการเล่นละครเลยไหม?
“ไม่ค่ะ ครั้งที่สองแล้ว นอกนั้นก็จะเป็นเพลงประกอบละคร แต่ว่าด้วยความที่เราก็ไม่ค่อยถนัดร้องลูกทุ่ง แล้วก็ค่อนข้างที่จะตื่นเต้นนิดหนึ่ง แต่พวกพี่ๆ เขาก็อยากให้ทำเต็มที่ในแบบของเรา”
กดดันไหมเรื่องนี้?
“ถามว่ากดดันไหม ด้วยเป็นคนที่เล่นละครรีเมคมาเยอะมากหลายเรื่อง เราก็รู้สึกว่า เราจะไม่กดดันตัวเอง เพราะว่าเรื่องนี้ รู้สึกว่าภาคแรกนี่จะ 19 ปีมาแล้ว ด้วยความที่เนื้อเรื่องมันก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย บทก็ปรับใหม่ ตอนนี้ก็จะมีเรื่องของออนไลน์ ของเฟซบุ๊ก ของไลฟ์สดเข้ามาแทน ก็เลยไม่กดดันอะไรพยายามรีแลกซ์ แต่ที่จะกดดันเป็นในเรื่องของการพูดภาษาอีสาน ต้องทำการบ้านเยอะมากพอสมควร ต้องเขียนแบบเป็นคาราโอเกะก่อน เข้าใจเลยว่าแบบคนที่เขาไปเล่นภาษาจีนคือต้องเก่งมาก”
ถามถึงเพลงตำโป๊ก (รักน้องต้องหมั่นตำ) ที่เราร้องหน่อย?
“เพลงตำโป๊กก็เต็มที่นะ ด้วยความที่เราก็อยากสนุกไปกับมัน แต่ยากเหมือนกันที่ต้องเต้น เพราะหมอนรองกระดูกฉีกขาดอยู่ เป็นอุบัติเหตุในการถ่ายทำ ก็พยายามออกแบบท่าเต้นให้ที่ทิ้งน้ำหนักไปที่ขาซ้าย ก็พยายามหาจุดที่ลงตัว แล้วก็ทำให้คนดูสนุกที่สุด แสดงสปิริตเต็มที่”
มีบางกระแสว่าเราแก่ไป ไม่เหมาะสำหรับบทนางเอก?
“เราคิดว่าอันนี้มันแล้วแต่ เพราะว่าบทมันก็เปลี่ยน ปลิวลมตอนเด็ก ที่เคยดูของพี่เบนซ์ จะอายุ 19 แต่ในเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนมาเป็นอายุ 27 เราก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันมีที่มาที่ไป”
เตรียมตัวรับกระแสเปรียบเทียบไว้บ้างไหม?
“ถ้าถามเรื่องนี้ไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาเรื่องที่เคยเล่นๆ มากดดันมากกว่า (ชินแล้ว?) คือด้วยความที่ทีมงานคนละทีมกัน บทละครก็เขียนขึ้นใหม่ นักแสดงก็ใหม่ ยุคสมัยก็เปลี่ยน จั่นรู้สึกว่าถ้าเขาทำมาเหมือน ก็คงไม่ทำ เราก็ทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุด ก็อยากให้ทุกคนดูแบบสนุกสนานค่ะ ก็ไม่ได้กดดันอะไร”
เรานอยด์ไหมที่มีคอมเมนต์วิจารณ์ ว่าเราอายุเยอะกว่าตัวละคร?
“ไม่นอยด์เลย รู้สึกว่าเฉยๆ ค่ะ อยากให้ดู เพราะเราไม่ได้ไปเล่น กว่าจะรู้วเดียงสา ที่บทเป็น 10 ต้นๆ ก็เลยไม่ได้ซีเรียส อยากให้ทุกคนจับตาดู ด้วยความที่เนื้อเรื่อง บทมันปรับเปลี่ยน ก็รู้สึกว่าอยากให้ดูก่อน จั่นไม่ได้ซีเรียสกับคำวิจารณ์หรือว่าอะไรในโซเชึอยู่แล้ว เพราะว่างานเรายังไม่ได้ออกไป ต่างคนต่างก็มีความคิดเห็นของแต่ละคน แล้วเดี๋ยวนี้มันเป็นยุคเสรีทางโซเชียล”
เราไม่ได้ไปเสพดราม่าใช่ไหม?
“จั่นก็ไม่ซีเรียสนะ เราทำเต็มที่ในแบบของเรา อย่างที่บอกว่าบทมันก็มีการปรับเปลี่ยน ลองติดตามดูก่อนนะคะ (ยิ้ม)”
บางคอมเมนต์ก็ค่อนข้างแรง ว่าหน้าเราไม่เข้ากับบท ?
“จริงเหรอ งั้นต้องติดตามดูค่ะ ว่าเข้าหรือไม่เข้า”
อยากให้โฟกัสที่ผลงานมากกว่าใช่ไหม?
“คือจั่นไม่ได้ซีเรียส เพราะถ้าซีเรียส คงต้องซีเรียสตั้งแต่เรื่องเก่าๆ 5-6 เรื่องที่เคยเล่นมาแล้ว ก็เลยปล่อยไหลสบายๆ เอาอยู่”
เจอคำวิจารณ์บ่อยๆ มีแอบโมโหบ้างไหม?
“ไม่ๆ ถ้าเขาไม่ได้ด่าบิดามารดาเรา เราก็เฉยๆ ค่ะ”
ความรักตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“แฮปปี้ดีค่ะ”
วันเกิดเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มีรูปออกมาว่าเราไปทำบุญด้วยกัน?
“ก็ไปทำบุญวันเกิดปกติ ไปกับเพื่อนๆ ปกติไม่มีอะไร”
เริ่มเปิดตัวในกลุ่มเพื่อนแล้วใช่ไหม?
“คืออย่างที่บอกไปว่าไม่ได้ปิดนะ แต่ว่าอยากให้มันเป็รไปตามสเต็ปธรรมชาติ ต่างคนต่างเรียนรู้กัน เพราะว่าเราจะได่เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด รู้ว่าเขายอมรับเราได้ไหม เรายอมรับเขาได้ไหมแค่นั้นเอง”
พากันไปทำบุญบ่อยไหม?
“ก็ไปเรื่อยๆ อะ เหมือนเวลาเราคบใคร ก็ไปตามปกติ เพียงแต่ว่ายังไม่ได้เปิดกับสื่อว่าเป็นใครแค่นั้นเอง แต่ว่าไม่ได้ปิดนะ”
ก็คือตอนนี้เรามีคนคบคนคุยอยู่ใช่ไหม?
“มีค่ะมี ตกข่าวนะเนี่ย สัมภาษณ์ไปตั้งนานแล้ว 2 ปีแล้วไม่ทำการบ้านเลย (หัวเราะ) ต้องทำการบ้านหน่อยนะ”
มีอะไรต้องปรับกันอีกไหม?
“ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ด้วยความที่รุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อนๆ ก็รุ่นเดียวกัน ก็อาจจะไม่ได้มีอะไรมาก มีช่วงแรกๆ ก็ต้องเรียนรู้เรื่องของการทำงาน”
ไลฟสไตล์ตรงกันไหม?
“ด้วยความที่ไม่ได้ต่างกันมาก ในช่วงอายุหรือว่าความคิดก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก”
สถานะเรียกว่าแฟนได้แล้วใช่ไหม?
“ก็ใช่ เป็นผู้ชายที่สนิท นี่ก็ไม่ทำการบ้านอีกแล้วอะ”
เขาซีเรียสไหม ที่เราได้เปิดตัว?
“เราไม่ได้ปิด แค่อย่างที่บอกว่าอยากเรียนรู้กันไป ด้วยความที่เขาไม่ใช่คนในวงการ ก็อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองเต็มที่ เราก็จะได้เรียนรู้กัน ในแบบที่เราเป็น ไม่ใช่ว่าไปไหนแล้วต้องระวัง จนกลายเป็นไม่เป็นตัวของเอง แล้วก็อย่างที่บอกไป ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกแน่นอน แต่ว่าไปไหนมาไหนก็คือไม่ได้ปิด ปกติ
เป็นความสบายใจของเราทั้งคู่ ตอนนี้ก็แฮปปี้ค่ะ”
เห็นว่าจบจากละครเรื่องนี้ จะผ่าเข้าใช่ไหม?
“ต้องผ่าแล้ว เพราะหมอนรองกระดูกหัวเข่าฉีกขาด แล้วเลือดมันไม่ไปเลี้ยงตรงนั้นก็ต้องเย็บอย่างเดียว ต้องพักฟื้น จะมีปัญหาก็คือจะไม่สามารถงอได้สุด ยืดได้สุด”
วางแผนอย่างไรบ้าง ละครไม่รู้จะปิดกล้องตอนไหน?
“ก็ไกลแล้วค่ะ อีกเรื่องหนึ่งก็ใกล้แล้วเหมือนกัน ก็คือเสร็จแล้วก็ต้องไปคุยกับคุณหมอว่าจะยังไง เพราะมันต้องพักฟื้น 4 เดือน ด้วยความที่มันลงน้ำหนักไม่ได้”
มีทางอื่นนอกจากการผ่าตัดไหม?
“ถามแล้วแต่มันเป็นหมองรองกระดูกหัวเข่า เป็นกระดูกอ่อน เลือดมันไม่ไปเลี้ยง ถ้าเราไม่ผ่า แล้วปล่อยไว้นานๆ ถ้ากระดูกมันมาทบกัน อายุเยอะขึ้นมันก็จะมีปัญหา ก็กลัวเหมือนกัน ไม่เคยผ่า แต่เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่น่ากลัวแล้ว มีแบบเจาะหัวเข่าแล้วก็ส่องกล้อง ตอนผ่าไม่น่ากลัว แต่จะน่ากลัวหลังจากผ่า ที่เราต้องหมั่นกายภาพให้มันกลับมาใช้งานได้”
เราต้องพักฟื้นนานไหม?
“ก็คือเราต้องพัก 4 เดือน ถ้าสมมติว่าหายเร็วกว่านั้น แต่คทออยากึจะให้หายเต็มที่ หายสนิทก่อนที่จะมาลุยงาน”
หมอบอกว่าจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม?
“อยู่ที่เรากายภาพ”
ถ้าผ่าตัดไปแล้ว ไม่มีโอกาสจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
“มีสิ ผ่าตัดก็ต้องมีถ้าเรากายภาพเหมือนเดิม นักบอลเขาก็วิ่งฉิวเห็นไหม”
เรากังวลไหม เพราะมันต้องดูแลอย่างดี?
“ก็กังวลนะ เราไม่เคยผ่า คนเรากระฉับกระเฉงมาตลอด ต้องมาใส่ที่ล็อกหัวเข่า แล้วก็ห้ามงอหัวเข่าเลยเป็นเดือน เราก็ต้องขยันกายภาพ แล้วคนเคยทำงานทุกวัน ในชีวิตไม่เคยหยุดงานเกิน 5 วัน แต่ก็ได้ซ้อมมาแล้วช่วงโควิด ก็เลยคิดว่าน่าจะได้อยู่”