อเล็กซ์ เรนเดลล์ ขอบคุณ เต้ย จรินทร์พร ร่วมโปรเจ็กต์กอดป่ากอดทะเล สบายใจได้ร่วมงาน

0
749

 

ทำเอาหลายคนออกปากชื่นชมในมิตรภาพและความจริงใจที่หนุ่มอเล็กซ์ เรนเดลล์ และสาวเต้ย จรินทร์พร มอบให้กันแม้ว่าจะเลิกรากันไปแต่ยังคงสถานะเพื่อนที่ดีเอาไว้ เมื่อก่อนหน้านร้หนุ่มอเล็กซ์โพสต์ขอบคุณสาวเต้ยที่มาช่วยโปรเจ็กต์กอดป่ากอดทะเลให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และทางสาวเต้ยเองก็โพสต์ขอบคุณและให้กำลังใจอีกฝ่าย พร้อมคอยซัพพอร์มกันและกันอยู่เสมอด้วยเช่นกัน

“วันนี้ก็มาร่วมงานมันก็เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ตรงกับงานที่เราทำอยู่ ก็เป็นการช่วยเรื่องของ PM 2.5 เรามาร่วมงานก็รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งครับ”

สิ่งที่เราทำอยู่ก็เกี่ยวกับเรื่อง PM 2.5 เหมือนกัน
“ก็ด้วยครับของเราจะทำเรื่องของสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว อย่าง PM 2.5 มันก็ไม่ใช่แค่ในเมืองอย่างเดียวที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ มันคือผลของการใช้ชีวิตของเรา ของคนที่​อยู่ไกลๆ ด้วย มันหลายปัจจัยนิดนึง ผมก็อยากจะมีส่วนร่วมในจุดที่เราจะสามารถพอจะร่วมได้”

เป็นปีที่ 6 ที่ทำแล้วใช่มั้ย
“ใช่ครับ เมษายนปีนี้จะครบ 5 ปีที่เปิดองค์กร แต่เราทำมาก่อนหน้านั้นประมาณ 2 ปี รวมกันแล้วก็เกือบๆ 7 ปีครับ”

ได้ตามเป้าที่เราหวังมั้ย
“เราไม่ได้มีเป้าอะไรขนาดนั้นตั้งแต่แรก เราทำเพราะความชอบ คือเราก็มีเป้าหมายนะว่าเราอยากจะทำอะไร เราอยากจะทำแบบไหน แต่ทุกอย่างมันมาเร็วและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราก็ไม่นึกว่าเราจะมาเร็วขนาดนี้”

โตเร็วแบบนี้ปรับตัวทันมั้ย
“ก็เหนื่อยนิดนึงกับสิ่งที่ต้องเจอ แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดี และงานช่วงหลังๆ มันก็มีแต่งานดีๆ ทั้งนั้น คนก็เห็นเราในอีกมุมมากขึ้น ภาพของเรามันชัดเจนขึ้น ถ้าเติบโตในงานของสิ่งแวดล้อมมันเติบโตอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่ามันมาส่งผลให้เติบโตในวงการบันเทิงด้วย”

ล่าสุดก็ประสบความสำเร็จมาก มีคนคอมเม้นท์ชื่นชมเยอะ
“มันเป็นโปรเจ็คที่เราตั้งใจจะทำและอยู่ในความคิดของเรามาหลายปีแล้ว เราทำงานด้านสิ่งแวดล้อมเราก็จะเห็นตรงนั้นตรงนี้ เราก็เลยอยากที่จะมีอะไรที่เป็นของเราที่เราคิดกันมา และอยากจะชวนคนเข้ามากันเยอะๆ ซึ่งเราเหนื่อยกับโปรเจ็คนี้มาก และคิดว่าเราจะทำไปอีกอย่างต่ำ 18 เดือน ก็คือได้เป็นโมเดลแล้ว ปอดทะเลมันเกิดขึ้นแล้ว และมีผู้ใหญ่ใจดีมาช่วยสนับสนุนทำให้มันไปได้ไกลกว่าที่เราคิดไว้ตั้งแต่แรก เราก็ยอมที่จะเหนื่อยและทำมันให้เต็มที่ พยายามจะตัดสินใจให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องมีคนช่วย พอมันเป็นโปรเจ็คใหญ่ขนาดนี้เราก็ไม่ได้มีเวลาเยอะมาก”

เป้าหมายต่อไปจะเป็นยังไง
“เราก็จะเอาประเด็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างเรื่อง PM 2.5 เราก็จะเอาเข้ามาร่วมด้วย แต่ในทางไหนคงต้องขอเวลาในการแพลนนิดนึง แต่ไอเดียคือการที่เราไปบรรยายมีเวทีทั่วประเทศไทย และเอาสิ่งที่เรามีหรือสิ่งที่เราเรียนรู้มาบอกต่อให้คนอื่น ทำหลายอย่างและทำอย่างนี้ไปอีกหลายๆ ที่นะครับ เรากำลังวางแผนกันอยู่ครับ 18 เดือนหลังจากนี้ชีวิตของเราน่าจะอยู่กันอย่างโอเคค่อนข้างเยอะ”

เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ เป็นพาร์ทเนอร์หลักด้วยใช่มั้ย
“ใช่ครับ เต้ยเป็นพาร์ทเนอร์ ก็มีคุยกันปรึกษากันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็คิดว่าถ้าเกิดเราทำคนเดียวมันก็อาจจะได้แค่ 50% แต่ถ้าเต้ยเข้ามาร่วมมันอาจจะได้อีก 50% มันไม่ใช่โปรเจ็คที่เราอยากจะให้เป็นเรื่องของคนใดคนนึง เพียงแต่เราก็ต้องทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของโปรเจ็คของเราเองให้คนมาสนใจ แต่จริงๆ เราอยากให้ทุกคนมาร่วมกัน”

มีลงขอบคุณเต้ยด้วย
“ใช่ คือเขาก็ช่วยเราเยอะ จริงๆ เบื้องหลังเขาช่วยเราเยอะมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาออกสื่อหรือออกมาบอกใคร คือมันเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเสียหายหรือเป็นเรื่องที่ไม่ดี เขาก็เป็นพาร์ทเนอร์ของเราตั้งแต่แรก พอเขามาร่วมรอบนี้มันก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

หลายคนก็ชื่นชมในมิตรภาพนี้
“ใช่ครับ ก็ดีครับ ได้อ่านคอมเม้นท์อยู่บ้าง ตั้งแต่ลงไอจีมาคอมเม้นท์น่าจะเยอะสุดก็อ้นนี้ (ยิ้ม)​ ไปไหนก็มีแต่คนทักเรื่องโพสต์นั้น แต่จริงๆ เราไม่ได้ต้องการให้มันไวรัลอะไรขนาดนั้น แค่เป็นส่วนนึงที่เราประทับใจเกี่ยวกับโครงการนี้ เราก็ลงเกี่ยว​กับอาสาของเรา เกี่ยวกับความประทับใจ”

แต่ก็มีดักๆ ใส่แฮชแท็กไว้เหมือนกัน
“ใข่ๆ คือพื้นที่ของผมคือผมมีสิทธิที่จะเลือก ในไอจีของเราก็ไม่อยากให้เป็นจุดเริ่มต้นของอะไร คือมันไม่ใช่กระทู้ ไม่ใช่ให้คนมาแสดงความคิดเห็นทางลบ และเป็นจุดเริ่มต้นให้คนมาลบต่อ ผมก็ลบออกเลย ต่อให้ดีหรือไม่ดีไม่รู้ ผมลบก่อน แต่รอบนี้ไม่มีต้องลบเลยนะ”

แสดงว่าเคยเจอคนเข้ามาแนวๆ นี้
“ของผมน่ะไม่มี เพราะถ้าผมเห็นแล้วไม่ชอบผมก็ลบเลย ผมอยากให้เพจของผมที่ที่บวก เราอยากให้มันเป็นแบบนี้ไว้ ไม่ต้องการให้คนมาคอมเม้นท์เป็นพัน มันไม่ใช่เหตุผลที่เราเล่นมัน”

แต่เต้ยก็ลงเหมือนกัน
“ใช่ครับ คือสิ่งที่เราลงมันไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่รับรู้กันเลย แต่เป็นสิ่งที่เราแค่อยากจะขอบคุณ และอยากพูดอะไรดีๆ ให้กัน”

เราต้องบอกเขาก่อนมั้ยว่าจะลง
“ไม่ถึงขนาดนั้น จริงๆ ผมเขียนไว้สักพักแล้ว แต่พอดีงานเยอะแล้วมันยังเขียนไม่เสร็จก็เลยยังไม่ได้ลง ถ้าจำไม่ผิดผมไปคอมเม้นท์ของเขาก่อนบอกว่าเดี๋ยวเรากำลังจะลงเรื่องของยูนะ”

แคปชั่นนั้นคิดอยู่​กี่วัน
” จำไม่ได้ครับ มันมีหลายแคปชั่น คืองานมันไม่ได้มีแค่ผมกับเต้ย มันยังมีผู้ใหญ่ใจดีที่น่ารักกับเรามาก และวันนั้นเรารู้สึกว่ามันเป็นวันที่ประสบความสำเร็จขององค์กรของ​ผมกับเต้ยมากๆ เราก็เลยอยากจะขอบคุณ เราอยากจะน้ำตาไหลหลายรอบ แต่ก็ต้องฮึดสู้ เหนื่อยก็เหนื่อย นอนก็ไม่ได้นอน ต้องทิ้งงานอื่นเป็นอาทิตย์ ทีมงานของเราก็เครียดกดดันกันทุกคน แต่พอมันประสบความสำเร็จกลับมามันก็โล่งมาก”

พอมันออกมาแบบนี้ต่อไปการร่วมงานกับเต้ยก็สบายใจมากขึ้นมั้ย
“จริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามีอุปสรรคกับการทำงานกับเต้ยเลย และไม่เคยรู้สึกว่าต้องปิดบังหรือต้องรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เจอกันทีไรก็มีแต่เริ่องดีๆ ครับ”