เบิ้ล ปทุมราช ไม่หวั่นดราม่า โพสต์ถามแฟนคลับหากบุกไปข่มขืน สุดภูมิใจปลดหนี้ให้ครอบครัวได้
ไม่หวั่เจอดรม่าหลังโพสต์ตั้งคำถามผ่านเฟสบุ๊คว่า “ถ้าอยู่ดีๆ เบิ้ล ปทุมราช บุกไปข่มขืนคุณถึงห้อง สิ่งแนกที่จะทำคืออะไร 1. ขีดขืน รีบวิ่งไปหาโทรศัพท์แจ้งตำรวจ 2. กัดลิ้นตัวเองตาย 3. แล้วแต่จินตนาการที่จะเมนต์ “ สำหรับนักร้องหนุ่มเบิ้ล ปทุมราช งานนี้เจ้าตัวเผยแค่โพสต์อ่านคอมเมนต์ขำๆ ตนเองนั้นรู้ว่าอะไรควรไม่ควริพร้อมเผยสุดภูมิใจหลังจากปลดหนี้หลักล้านให้ครอบครัวได้หมดแล้ว
พูดถึงเรื่องเฟสบุ๊คที่ทักไปหา มาร์ค ชักเคอร์เบิร์ก?
“อ๋อ..อันนี้ฮานะ ผมไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเยอะขนาดนั้น และก็ไม่คิดด้วยว่าพี่มาร์คเขาควจะไม่ตอบเรา ก็เหมือนว่า 2-3 วันที่แล้วพี่มาร์คเขาน่าจะฉลองการแต่งงานกับแฟนเขาในโซเชียลเฟสบุ๊คส่วนตัว มีคนกดไลค์ กดแชร์ทั้งในต่างประเทศและคนไทยของเรา เราก็เลยไปเห็นเขาว่าคนนี้คือคนที่ก่อตั้งเฟสบุ๊คนะ เราเลยย้อนไปถึงตอนที่เรายังไม่ได้เป็นนักร้อง เราแต่งเพลง ทำเพลง อัดคลิปลงเฟสบุ๊ค ถ้าไม่มีพี่เขาทำเหสบุ๊คขึ้นมาเราคงไม่มีโอกาสได้มาเป็นนักร้อง เราเลยทีกไปขอบคุณเขาดีกว่า คือเอาฮา แคปเอามาให้คนกดไลค์ ไม่ได้เขียนภาษาไทยด้วย เขียนภาษาอีสานด้วย “อ้ายครับ ผมดีใจที่ได้เป็นนักร้อง เพราะว่าเฟสบุ๊คของอ้าย ผมฮู้ว่าอ้ายซิบ่ได้ตอบผม แต่ถ้าอ้ายมีโอกาสผ่านบ้านผม ผมจะต้มไก่กิน” อะไรแบบนี้ เขาคงอ่านไม่ออกหรอกครับ เอาฮา”
เราก็ภูมิใจในการได้ทำเพลงลงในเฟสบุ๊ค?
“เอาสาระจริงๆก็คือผมดีใจที่เฟสบุ๊คทำให้ผมได้ ผมไม่ได้มาเหมือนคนอื่น ไม่ได้ประกวด ไม่ได้ไปฝากไว้กับครูเพลง หรือยูนิตที่ใดที่หนึ่งเป็นเด็กเข้าสังกัด ผมเดินทางมาตรงนี้เพราะผมใช้เฟสบุ๊คเป็นเวทีในการแจ้งเกิดตัวเองในโซเชียล คือเขียนเพลงลง แต่งเพลงลง และมีผู้ใหญ่หลายๆค่ายสนใจ และเราเลือกที่จะเดินมาอาร์สยามวันนั้น เราเลยย้อนนึกว่าเฟสบุ๊คนี่แหละเป็นจุดแรกที่ทำให้เรารู้จักหลายๆคนที่เข้ามาให้โอกาสเรา เราเลยอยากขอบคุณพี่มาร์ค”
เราเดินอยู่บนเฟสบุ๊คนานไหม?
“ตั้งแต่อายุ 16 ปีครับ เอาจริงๆผมเพิ่งเล่นเฟสบุ๊คเป็นตอนอายุ 15-16 เอง ทั้งที่พี่ๆน้องๆในหมู่บ้านเล่นเป็นก่อนผม แต่ผมเพิ่งมาฝึกเล่นตอนอายุ 16 ปี ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ด้วยครับ มีโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่งที่ใช้เปิดไวไฟ และแม่ซื้อไอพอร์ตให้เล่นตอนนั้น ก็ใช้เครื่องนั้นอัด ไอพอร์ตเครื่องนี้ทำเงินให้ผมหลายล้านอยู่นะ ราคาไม่กี่พันที่แม่ซื้อให้ยังดีใจที่แม่ซื้อให้ครับ “
แต่เราเองก็เป็นคนเล่นโซเชียล?
“ทุกวันนี้บอกว่าไม่ถึงขั้นกับชอบเล่นครับ แต่ติดครับ พูดเล่นๆ มันเหมทอนขาดไม่ได้แล้ว เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่ผมก็โพสต์ในเหสบุ๊คเมื่อเช้าว่า จริงๆทุกคนคิดว่าเวลาที่เราโพสต์ในโซเชียล จะคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวเรา มีอะไรเราก็อยากจะลงไป คุณไม่มีสิทธิจะมาว่าเรา แต่จริงๆเฟสบุ๊คมันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวหรอก ผมว่าเฟสบุ๊คมันเหมือนเป็นหุ่นเชิ่ดที่ทำให้เราใช้จิตวิญญาณของการเป็นมนุษย์ และความคิดของเราให้กับเฟสบุ๊คลงไป ว่าเราจะให้เฟสบุ๊คบังคับอะไรกับสิ่งที่เราคิดมากกว่า เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิเหมือนกันคือ ชีวิตจริงของเรานี่แหละคือสิทธิของเรานะครับ เพราะคนที่ไปคอมเมนต์เราอาจจะเป็นทั้งคนที่มีตัวตน เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเฟสบุ๊คเป็นพื้นที่ส่วนตัว มันไม่ใช่หรอก พื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆก็คือตัวเรานี่แหละ เฟสบุ๊คเป็นสิ่งที่ทำให้เรากล้าระบายกล้าพูดมากกว่า มีอะไรอยากจะพูดก็พูดในเฟสบุ๊ค แต่สำหรับผมเฟสบุ๊ค เล่นให้ดีก็ดี ไปในทางที่ดีก็ดีมากสำหรับผม มันเป็นทั้งเวที ทั้งช่องทางการทำธุรกิจต่างๆ ผมเชื่อว่าเฟสบุ๊คกับผมเป็นอะไรที่คู่กันมากๆ ผมขาดเขาไม่ได้หรอก ถึงวันนี้จะเล่นน้อยลงดีกว่าเลิก”
โพสต์อะไรต้องระวังมากขึ้นไหม เพราะเรามีชื่อเสียงมากขึ้น?
“ต้องระวังครับ เพราะถ้าพบาดแค่วิเดียวถ้าคนแคปหน้าจอได้ก็ยาวไป ยิ่งทุกวันนี้มันมีเหสปลอมมากขึ้นด้วย ก็ระมัดระวังยากขึ้น เพราะฉะนั้นก็บอกแหนเพลงให้มาติดตามที่เป็นของเราจริงๆดีกว่า ถ้าเราโพสต์ผิดแล้วมันเป็นของเรา เรายังมีโอกาสได้แก้ไข ปรับปรุงและขอโทษ แต่ถ้าเป็นเฟสปลอมไปโพสต์เราไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว กว่าจะรู้ความจริงคือคนด่าเราแล้ว ต้องพูดจริงๆว่าโซเชียลตอนนี้บางคนไม่อ่าน บางคนเห็นแล้วด่าก่อน เรื่องเป็นยังไงกูไม่รู้แต่กูต้องด่า”
กับแฟนเพจที่โพสต์ว่าถ้าให้ไปข่มขืนกลัวดราม่าไหม?
“แฟนเพจผม เบิ้ล ปทุมราช ที่มีตัวการ์ตูนจมูก ผมไม่กลัว ผมว่าผมเป็นคนดื้อ แต่ว่าก็ดื้อแบบมีเหตุผลนะ เราอยากดูคนคอมเมนต์เฉยๆ จริงๆไม่ได่อวดว่าตัวเองหล่อแล้วไปข่มขืนเลยต้องยอมไม่ใช่นะ ผมโพสต์ว่า ถ้าเบิ้ล ปทุมราช ไปข่มขืนคุณ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร 1.เหมือนดิ้นให้หลุดแล้วโทรหาตำรวจ 2.กัดลิ้นตัวเองตาย ผมอยากจะอ่านคอมเมนต์ฮาๆ แฟนคลับที่เขาดื้อๆเหมือนกันกับผม ซนๆ คือแฟนคลับผมมีหลายเพศไง หลายวัน เลยอยากอ่านแต่จริงๆไม่ได้มีอะไรมากครับ เอาฮาๆในแฟนเพจเฉยๆ”
มีดราม่าไหมในคอมเมนต์?
“ไม่ค่อยหรอก จะมีดราม่าก็คือคนที่มีอคติกับผมมากกว่า จะโพสต์ดีหรือโพสต์ร้ายก็คือดราม่าอยู่ดี เราอย่าไปคิดว่าจะทำให้ทุกคนต้องรักเราทุกคน เพราะฉะนั้นการโพสต์อะไร เอาตรงๆ เราเป็นศิลปิน เป็นนักร้องอยู่ในที่สว่าง หลายคนอ่จจะบอกว่ากูทำอะไรก็ได้ กูก็เป็นคนเหมือนกันนี่หว่า เราก็อยากโพสต์ แต่ไม่ใช่ไง เราอยู่ที่สว่างกว่า จริงๆโซเชียลหรือสังคมไม่ได้บอกให้เราต้องเป็นคนดีซะทุกอย่างให้ทุกคนเขาทำตามหรอก แต่ว่าอะไรที่มันทำได้ สามารถเป็นตัวอย่างได้ก็ควรจะทำ แต่อาจจะไม่ต้องทำหมดจนทำให้ตัวเองรู้สึกกดดันจนไม่อยากเป็นนักร้อง ไม่ขนาดนั้น แต่สำหรับผมผมเชื่อว่าผมก็มีมุมดีๆของผมเหมือนกัน ที่โพสต์ให้คติประจำใจ โพสต์ให้กำลังใจคนที่สู้ฝัน คนที่มีเราเป็นตัวอย่าง มีมุมฮาๆ มีมุมดื้อซนๆของผมเหมือนหัน เพราะฉะนั้นก็พยายามรักผมในแบบ 4 มิติ ดินน้ำลมไฟ นะครับ รักในทุกอย่างทั้งเย็นทั้งร้อนทั้งฝังก็รักให้ได้ทุกอย่าง”
เรื่องปลดหนี้ให้ครอบครัว?
“ปลดหนี้จริงๆมันตั้งแต่ก่อนผมจะเป็นทหารแล้วครับ คือเราคิดไว้อยู่แล้วว่าก่อนจะเข้ากรม ยังไงเราต้องเคลียร์หนี้สินทุกอย่างให้จบและสร้างบ้านให้แม่ให้เสร็จให้ได้ ผมเลยเงินทุกอย่างที่มีตอนนั้นคือทำบ้าน ต่อเติมบ้านหลังเก่า ซื้อที่ดินสร้างบ้านหลังใหม่ให้จบก่อนที่จะเข้ากรม ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว “
ภูมิใจไหม?
“ภูมิใจครับ ภูมิใจมากๆ ไม่รู้ใครจะมองเรายังไง แบบนี้แหละมึงเป็นนักร้องเงินเดือนสูง มึงทำได้ดิ อย่างพวกกูมาทำงานในกรุงเทพฯ 4 ปียังไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะเงินเดือนมันไม่เหมือนกันทเราเลยบอกว่า ก็ไม่ได้มีอะไรมาเหมือนพวกคุณตั้งแต่แรกเหมือนกัน ทุกคนมีจุดเริ่มต้นที่เป็นศูนย์ ผมพูดถึงเฉพาะบางคนนะ บางคนอาจจะพ่อแม่รวย แต่สำหรับผมรู้สึกว่าก่อนจะเข้ามาเป็นนักร้องในตอนอายุ 19 ปี ตอนอายุ 18 ปียังเลื่อยไม้ช่วยพ่ออยู่เลย ผมยังทำงานอาทิตย์ละ700บาท บางอาทิตย์อาจจะไม่ได้ ถ้าไม่มีคนจ้างพ่อเราก็ไม่มีงานทำ เราแต่งเพลงในตอนนั้นคือพ่อกับแม่ซื้อกีตาร์ให้คือหาเงินจากการรับจ้างเกี่ยวข้าว รับจ้างดำนา ซื้อกีตาร์ให้แล้วก็เอากีตาร์ตัวนั้นของพ่อกับแม่ซื้อให้แต่งเพลง จนมีคนสนใจถึงได้มาอยู่จุดนี้ ไม่ใช่ว่าผมมีคนชีกนำ มีคนเอาเวินมาจ้างผมไปประกวด มีคนผลักดัน ไปคนไปฝึกเข้าคอร์ส ซึ่งตรงนี้ผมไม่เคยมีเลย แม้กระทั่งผมไปงานกาชาด ไปงานต่างๆ เห็นคนเข้าใช้เงินซื้อบัตร ผมยังดูเงินในกระเป๋าเลยถ้าเราจะเข้าต้องซื้อบัตร เราจะมีเงินซื้อเหล้ากินไหมวะ ถ้าเราซื้อเหล้ากินแล้วเราจะมีเงินพอไหมวะ ผมยังคิดอยู่เลยในตอนนั้นที่ยังไม่เป็นนักร้อง”
มีคนอคติกับเรา?
“จริงๆผมว่ามันต้องมีอยู่แล้ว ถึงพี่เอาไปลงโซเชียล เฟสบุ๊ค ยูทูป มันต้องมีคนมาด่า บักเบิ้ลเอ้ย บักขี้มาก บักขี้เก็ก มึงก็พูดได้สิ มึงอะไรแบบนี้ มันก็มีอยู่แล้ว แต่ความจริงคือผมโตพอที่จะรับรู้ว่าอันไหนที่ผมทำคือมันไม่ถูกต้อง ผมอาจจะเป็นคนขี้เก็ก ขี้มาก แต่ผมก็เป็นคนหาเลี้ยงพ่อแม่ผมได้ และไม่เบียดเบียนผู้อื่น และช่วยทำประโยชน์ให้กับสังคมเยอะเหมือนกัน”
ตอนนั้นปลดหนี้ไปเท่าไหร่?
“ก็บอกบ่ได้ครับ มันเป็นความลับส่วนบุคคลของครอบครัว”
กลัวเราม่าเพิ่ม?
“กลัวดราม่าเพิ่มว่าอวด”
กี่หลัก?
“ก็หลายครับ แค่สร้างบ้านก็ประมาณ 3 ล้านกว่าๆ และซื้อที่ดิน ต่อเติม ใช้หนี้ให้แม่ ไถที่นา ต้องบอกว่าคนอิสาน ครอบครัวผมทำนามาก็ต้องใช้หนี้ มีข้าวกินนิดหน่อย ก็เลยทำให้จบ ให้พ่อแม่สบายๆ”
คุณแม่เป็นหนี้นานเท่าไหร่?
“โอ้..ตั้งแต่ผมเกิดเลยครับ เกิดมาคือคนอิสานจะแบ่งที่นา ข้าวมะลิ อันนี้เอาไว้กินนะ อีกส่วนหนึ่ง เอาไว้ขายเพื่อใช้หนี้ ธกส. บ้าง ใช้หนี้ที่ยืมมา กู้มาซื้อที่ดินอะไรแบบนี้ คือมันมีมาตั้งแต่ผมโตมาจนถึงอายุที่ผมเป็นนักร้อง แม่ยังติดหนี้ติดสินอยู่เลย กองทุนหมู่บ้าน ไม่ถึง 10 ล้านหรอกครับ 10 ล้านแม่เอามาทำอะไร ผมจะกลับไปด่าแม่เลยอ่ะ แม่จะกู้มาทำอะไร 10 ล้าน ผมยังไม่เห็นอะไรเลยนะแม่ หยอกๆ ก็ประมาณหลายล้านอยู่ครับ”
ใช้เวลานานไหมกว่าจะหมด?
“ผมก็เก็บกำมาตั้งแต่เราค่าตัว1-3 หมื่น ตั้งแต่เริ่มแรกๆ ก็เป็นนักร้องมา 3 ปีกว่าๆรวมเป็นทหารด้วยนะ ถ้าเป็นนักร้องจริงๆคือ 2 ปีกว่าๆ “
สุดท้ายฝากถึงคนที่เริ่มจากศูนย์เหมือนเราบ้าง ให้กำลังใจเขานิดหนึ่ง?
“เอาแบบผมละกันนะครับ อันนี้คือผมไม่ได้ต้องการพูดให้ตัวเองดูดีอะไรมาก ผมเชื่อว่าทุกคนมันเหมือนการขับนถบนทางด่วน เหมือนเราหัดขับรถบนทางด่วน เรายังขับรถยังไม่เป็นยังไม่เก่ง แต่อยากท้าทายชีวิตตัวเอง เราขึ้นทางด่วนแล้วตอนนั้นรถมันเคลื่อนอยู่ เราจะเบรกก็ไม่ได้ เราจะจอดรถพักก่อนก็ไม่ได้ เพราะอะไร เราต้องสู้ เราต้องขับต่อไป อย่างน้อยขับผิดหรือถูกเรายังแก้ไขหรือขอโทษเขาบนทางด่วน เหมือนคนที่สู้ฝันเหมือนกัน ถ้าเราไม่หยุด เราอาจจะเดินช้าบ้าง เร็วบ้าง ถ้าคนสามารถขึ้นบันได3ขั้นแล้วไม่ตก ผมก็อยากจะขึ้นนะ แต่ต้องขึ้นแบบอย่างมีความมั่นคง ขึ้นแล้วมีจุดประสงค์ว่าจะขึ้นไปทำอะไร ขับรถบนทางด่วนเหมือนกัน ขับจะไปที่ไหน เราเบรกไม่ได้ เพราะยังมีคนจะจี้ตูดเราอยู่ไง มีคนคอยดูถูก คอยด่าคอยว่าเราอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนมีสติ ใช้ชีวิตในแบบที่มีใจที่สู้ก่อน แล้วก็มีเป้าหมายในชีวิตว่าเราอยากทำตรงนี้เพราะอะไร เพราะรัก เพราะอยากจะมีเงินให้พ่อแม่ หรืออยากจะมีอะไรให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนมีความมั่นคงมากขึ้น เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนที่ดูอยู่ตอนนี้ ผมอาจจะไม่ใช่นักร้องที่รวยหรือเก่งอะไรมาก แต่ถ้าสิ่งไหนที่ผมพูดไปหรือเป็นกำลังใจให้ได้ ก็ขอให้ทุกคนสิ่งแรกคือขอให้สู้ มองสิ่งที่จะทำว่าเป้าหมายคืออะไร และหาสิ่งรอบข้างที่เป็นกำลังใจเช่น พ่อแม่ ครอบครัว แรงบันดาลใจที่ดีที่สุด ที่เป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะทิ้งยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่สู้ฝันนะครับ ขอให้ทุกคนสู้ๆ ผมอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ร้องเพลงบนเวทีก็ได้ ผมอาจจะกลายเป็นคนหนึ่งที่อขถ่ายรูปคุณบนเวทีก็ได้ สู้ๆครับ”