ร่วมเป็นสมาชิกจิตอาสาแจกอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค ภายใต้โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน ที่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย สำหรับตลกชื่อดังหม่ำ จ๊กมก งานนี้เจ้าตัวเปิดใจรู้สึกอิ่มใจที่ได้เป็นผู้ให้ และได้เห็นผู้รับมีความสุข เข้าใจทุกฝ่ายได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ไม่อยากให้มองเป็นดราม่า เพราะแต่ละคนมีไม่เท่ากัน พร้อมเผยยังไม่มีแพลนกลับไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ถ่ายทำค้างไว้ เพราะอยากให้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่านี้ก่อน พร้อมให้กำลังใจทุกๆ คนเพื่อผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้
“แทบจะทุกวันเลย ไปกับ ดร.มานัส ด้วย ไปที่ช่องของตัวเองและไปกับเพื่อนฝูงด้วย เดี๋ยววันที่ 17 นี่จะไปกับคุณยิ่งยง และไปกับมูลนิธิอีกเยอะมาก ก็มีความสุขดีครับ ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย คนเขาได้เป็นผู้รับเขามีความสุข เราเป็นผู้ให้ คนไม่เคยให้ไม่รู้หรอก เวลาเอาไปให้แล้วผู้รับเขามีความสุข เรามีความสุขขนาดไหน ผมว่าใครที่มีจิตศรัทธาร่วมด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง ได้หมดนะครับ ให้กับสภาไหน มูลนิธิไหนก็ได้ครับ ช่วยเหลือกันคนลินิดละหน่อย ผมว่ามันหายได้ มันไม่ได้ร้ายแรงนะ สำหรับผมนะ โควิดมันไม่ได้เจ๋งจริง ทุกคนหายได้ กลับบ้านได้ เสียชีวิตก็ไมได้เยอะ ผมว่ามันเป็นแค่ช่วงแว๊บหนึ่งเท่านั้นแหละ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ก็ขอให้ทุกคนสู้ๆครับ ในตอนแรกเรายังรับมือไม่ทัน เราก็รู้สึกกลัวๆเหมือนกัน พอเริ่มรู้จักมันแล้วมันเป็นโรคที่หายได้มันไม่เหมือนโรคอย่างอื่นที่ร้ายแรงกว่าผมว่านะ ไม่เป็นไรครับ ก็อย่าไปในที่สุ่มเสี่ยง ป้องกันตัวเองกันเอาไว้ด้วย อย่าประมาท ไปไหนก็ใส่แมสไปด้วย ใส่หน้ากากอนามัยให้มันเรียบร้อย อย่าไปในที่ที่มันสุ่มเสี่ยงแค่นั้นแหละ”
บางคนเครียดจนถึงคิดฆ่าตัวตาย?
“ผมว่าถ้าใครเครียดก็ต้องดูอะไรที่มันบันเทิง ดูหนังก็ได้ อย่าซึมครับ ใครเป็นนักดนตรี ก็เอาเพงมาซ้อม อย่าเครียดใครเป็นนักแสดงช่วงนี้ไม่มีงานก็ซ้อมในกระจกแคสติ้งตัวเองไปเลย อยู่ในบ้านแค่นั้นแหละง่ายๆ อย่างตัวผมก็แคสตลกคนเดียว ทำคลิปให้เมียลงไปบ้าง ก็ไม่เป็นไรอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ กัน”
อย่างเราออกมาช่วยเหลือ คนจะมองเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก?
“ จริงๆ อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ผมก็ป้องกันตัวเองใส่หน้ากากให้เรียบร้อย ตอนนี้ผมว่ามันก็เริ่มซาไแล้วแหละ ตอนนี้แทบจะเป็นศูนย์แล้ว แต่ก็อย่าประมาท ออกจากบ้านก็ใส่แมสและอย่าไปในที่ที่มีคนเยอะเยอะเกินไป ”
บางคนอยากออกมาช่วยเหลือ แต่กลับกลัว?
“ก็ไม่เป็นไรก็ทำแบบผมนี่ไงใส่หน้าหากอนามัย เตรียมติดตัวไปด้วยตลอดไม่เป็นไรเราป้องกันตัวเองอย่าไปในที่สุ่มเสี่ยง”
หลังๆ มีข่าวออกมาว่าประชาชนแย่งถุงยังชีพกันเราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือยัง?
“บางทีก็น่าเห็นใจนะคือคนเขาหิวและเขาก็ไม่มีด้วย อย่างที่ผมบอกนั่นแหละคนสายป่านยาวๆหน่อยก็โอเคหน่อย ยังพอมีทุน คนหาเช้ากินค่ำแต่ตอนนี้หาเช้าก็ไม่ได้ กินข้าวตอนเย็นก็ไม่มีใช่ไหม มันไม่มีที่จะกิน บางทีก็วันต่อวัน ยิ่งคนใช้แรงงานก็ต้องใช้ทุกวันๆ แล้วไม่ได้ทำ อย่าว่าแต่2เดือนเลย 5 วันก็สะเทือน”
อย่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเรามีผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?
“มันไปด้วยกันทั้งหมดแหละครับถึงห้างถึงโรงภาพยนตร์มันก็สุ่มเสี่ยงก็นั่งอยู่ด้วยกันคนเป็นร้อยถ้ามันไม่ศูนย์จริงๆคนก็ไม่อยากไปดู ก็น่าเห็นใจคนบันเทิงด้วย ยังไงก็ต้องอดทนกันนะ มันต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้ทั้งหมดนั่นแหละภาพยนตร์ของผมก็ต้องหยุดเหมือนกัน คุณชายใหญ่ที่ถ่ายค้างอยู่ ไอ้แดงพระโขนงก็ถ่ายค้างอยู่ก็ต้องหยุด รอให้ปลอดภัยที่สุดแหละ”
ได้มีการพูดคุยกัยสมาคมผู้กำกับบ้างไหม?
“ ยังครับเพราะส่วนใหญ่ผมก็ยุ่งอยู่กับการมาแจกของให้กับคนอยู่แบบนี้แหละ และถ้าเปิดกล้องแล้ว แล้วจะไปถ่ายได้เลยนะ เจ้าของโลเคชั่นเขาก็กลัวเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่กลัวก็ต้องรอให้มันเป็นศูนย์นั่นแหละ ”
แล้วลูกน้อง ทีมงานของเราเราเยียวยายังไงบ้าง?
“มันก็พูดลำบากช่วงนี้ต้อง2-3เดือนมันก็ต้องทนทนกันหน่อย เอาเงินเก่ามากินกันแหละ บ้านผมก็ 10 กว่าคนเหมือนกัน”
อย่างรายการทีวียังมีออนแอร์บ้างไหม?
“ดีนะที่ผมทำสต๊อกของผมเอาไว้มีทั้งหมด 8 เทป ตั้งแต่ก่อนที่โควิดจะมา มีชิงร้อยชิงล้าน 8 เทป และซุปเปอร์หม่ำอีก8เทป ถ้ากลางเดือนนี้ยังไม่ได้อ่านก็ต้องรีรันแล้ว”
อย่างรายได้ที่เสียหายไปในส่วนของภาพยนตร์มีเยอะไหม?
“มันเสียหายไปทั้งหมดทั้งเจ้าของโรงหนังทางเจ้าของหนังมันไปด้วยกันทั้งหมดแหละ มันเสียหายกันไปหมดแหละ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องฝ่ามันไปให้ได้”
เรามีมาตรการในการรับมืออย่างไรบ้างกับวงการภาพยนตร์ไทยของเรา?
“มันก็ต้องแก้ไขปรับปรุงในส่วนของสตอรี่ของเรื่อง คนไทยเสียงเงินดูหนังในราคาเท่ากัน แต่คุณภาพหนังไม่เท่ากัน บางทีก็น่าเห็นใจเขานะคนที่เขาบริโภค เราก็ต้องมองคนละครึ่ง จะไปบอกว่าเขาไม่อยากดูหนังไทยไม่ใช่ เราก็ทำเท่าๆกันถึงแม้ว่าทุนเราจะไม่เท่ากัน เราก็ทำให้มันดูน่าดูหน่อยให้มันมีความสนุก มีสตอรี่”
