กลายเป็นประเด็นดราม่าหนักหน่วงก่อนหน้านี้หลังหนุ่มหมาก ปริญ โพสต์รูปและแคปชั่นชวนสงสัย ซึ่งหลายคนโยงไปถึงเรื่องการวิจารณ์การเมือง ล่าสุดทางหยุ่มหมากได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เผยมือลั่น ยันไม่เจตนาโพสต์โยงการเมือง ขอโทษทุกคนที่ทำให้เข้ามจผิด รวมถึงเพื่อนดาราที่มาคอมเมนต์และถูกโจมตีไปด้วย
ที่เราโพสต์ไป มันมีดราม่าเกิดขึ้น ?
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เริ่มต้นด้วยการขอโทษดีกว่า ที่ลงอะไรไปโดยไม่คิด เป็นความผิดพลาดของผมเองครับ ที่รูปๆนั้นที่ผมไปเซฟมา และไปโพสต์ลงไปโดยที่ไม่ได้ดู ไม่ได้เช็คให้ดีก่อน ผมขอโทษเรื่องนี้ครับ”
ข้อความของเรา ถูกโยงไปหลากหลายความคิด?
“จริงๆครับ เราก็ไม่อยากให้ทุกคนมีข้อโต้เถียง ขัดแย้งกัน จริงๆแล้วผมก็ไม่ต้องการให้คนมาทะเลาะกัน ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”
เจตนาของเราในข้อความนั้นคืออะไร?
“เจตนาคือ ผมลงผิดครับผม ผมเป็นคนชอบลงโพสต์ ชอบลงคำพูดจากสถานที่ต่างๆที่ผมไปเห็นและผมไปเซฟมา บังเอิญว่ามันมีอะไรคล้ายๆกัน และลงไปโดยที่ผมไม่ได้ดูมาก่อน ไม่ได้เช็คก่อนว่ารูปนั้นคืออะไร ซึ่งเป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะสื่อถึงอะไรทั้งนั้น”
ตอนที่เราเซฟข้อความนั้น เรารู้ไหมว่าข้อความสื่อถึงอะไร?
“รู้ไหมเหรอ เอาจริงๆนะข้อความที่ผมเคยเห็นมา มือไปโดน กดอยู่ในเครื่อง รูปในเครื่องเต็มไปหมดแหละ ผมพลาดเอง เราไม่มีเจตนาเลยครับ ตัวผมเองอยู่ห่างไกลจากคำนั้นมาก จากเรื่องพวกนั้นมาก ผมก็ งง อยู่เลย เช้ามา คือผมโพสต์ลงไปผมก็นอนเลย พอตี 4 ผู้จัดการโทรมาบอกหมากๆ ลบข้อความได้ไหม ผมก็งัวเงียลุกขึ้นมาลบ พอเช้ามาก็เห็นเพื่อนต่างๆส่งข้อความมา จริงๆผมก็ งง เหมือนกัน นั่นคือความผิดพลาดของผมเอง โดยไม่ได้ดูก่อน”
เป็นกระแสในโลกโซเชียลค่อนข้างมาก เรารู้สึกยังไงบ้าง?
“เอาจริงๆนะ ผมไม่ได้อ่าน มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่คนเขาพร้อมที่จะเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมา ปกติ”
ต่อไปถ้าเราจะลงข้อความ มันต้องคิดเยอะไหม?
“ต้องดูถี่ๆเลย ถ้าพูดถึงครั้งต่อไป มันจะไม่มีอีกแล้วสำหรับผมแน่นอน ผมจะดูให้มันดีขึ้นแน่นอนครับผม”
เป็นเหตุการณ์ที่ตกใจ ?
“ตกใจมากครับ ผมตื่นมา งง มาก เพื่อนส่งมาบอก เล่นทวิตเตอร์ยังไงให้ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่ง โดยที่เล่นไม่เป็น ผมก็เข้าไปดู เพิ่งรู้เรื่อง ตายแล้วเรื่องใหญ่เหมือนกัน ตอนนั้นไม่ได้โฟกัส อีกวันหนึ่งผมมากองถ่ายละคร มีละครที่เร่งจะปิดกล้อง และละครที่กำลังจะเปิดใหม่ ซึ่งวันถัดมาผมก็ต้องรีบอ่านบท เข้ากองถ่าย”
เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบถึงญาติ และคิมเบอร์ลี่ ?
“โอ้โห้ จริงๆ พอมันมีข่าวออกมาแล้วไปโยงถึงคนอื่นผมก็ได้ขอโทษเป็นการส่วนตัวแล้ว แล้วก็ไม่ได้ซีเรียสไรมากและก็ไม่อยากให้ทุกคนไปโยง มันเกินไป มันอะไรไปโยงเขาจริงๆก็ไม่ควร ถ้าจะโยนความผิดมาก็โยนให้ผมเพียงคนเดียว”
แต่เราได้คุยกับญาญ่า แล้วใช่ไหม ?
“ใช่คุยแล้ว ใช่ครับใช่ แล้วก็ต้องขอโทษแทนน้องคิมด้วยที่อีกวันหนึ่งมีงานแล้วต้องมาอะไรยังเนี้ย ผมก็รู้สึกผิดมากๆเลย ก็ขอโทษเขาไป แต่หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมาผมก็ได้มาเจอพี่ๆสื่อวันนี้วันแรก วันนี้มีงาน ก่อนหน้านี้ผมอยู่ในกองตลอด”
อย่างรูปที่เราลงแคปชั่นมันก็สื่อไปทางนั้น แล้วถูกตีความหนักขึ้นมาอีก ?
“ก็นั้นแหละ เอาจริงๆนะ ผมจำไม่ได้ว่าลงอะไรไปเพราะว่าพี่เขาให้ตื่นมาลบตอนตี 4 แล้วเข้ากองต่อช่วงเช้า ผมก็โฟกัสอยู่กับงาน ของผม”
ประเด็นรูปที่ลงในไอจีแล้วญาญ่าเข้าไปตอบ คนโยงไปที่รูปนั้น ?
“อ่อ โอ้โห้อันนั้นก็ไม่รู้เลยครับ แล้วก็พอตื่นมาก็อ่านคอมเมนต์แต่ละอันก็แบบ เอ้ย เอ่อ ไม่รู้ว่าเขาขนาดนั้นได้อย่างไร เราก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูกได้แต่ยอมรับมันไป เพราะผมมองว่ามันเป็นความผิดพลาดของเราเอง แล้วก็ผมได้ลบรูปนั้นไป จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เชื่อมโยงถึงกัน ไม่มีเจตนาแบบนั้นเลย คนเรารักกันมากกว่าครับ”
อย่างรูปล่าสุดที่เราลงไม่ได้เชื่อมโยงกับรูปในไอจีที่ลงก่อนหน้านี้?
“ไม่เกี่ยวเลยครับ ไม่เกี่ยว ผมลงรูปนั้นตอนกลางวัน แล้วผมเพิ่งไปล้างฟิล์มมา แค่เห็นเเคปชั่น ผมดูเยอะไงตามที่บอก ผมชอบเลยเอามาลง ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปว่ากระทบถึงใครหรือส่วนไหนจริงๆ”
อยากจะบอกอะไรกับคนที่มองเราแบบผิดๆ ?
“ฝากบอกอะไรเหรอ … ไม่มี แล้วแต่ครับ ผมเชื่อว่าถ้าใครได้ทำงานกับผมจริงๆ และรู้จักตัวตนของผมจริง เขาจะเชื่อว่ามันเป็นอะไร ผมเชื่อว่าคนที่ผมรู้จัก เขาก็ให้กำลังใจผม และก็ส่งดีเอ็ม ส่งไลน์มาหาผมอะไรยังเนี้ย แล้วก็เขารู้ว่ามันคืออะไร ใช่”
มันทำให้เราเสียความมั่นใจหรือการที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรลงไปไหม?
“เสียความมั่นใจไหม จริงๆก็ไม่มาก อย่างที่บอกต่อไปจะลงอะไรก็ต้องเช็คก่อน นั้นแหละข้อผิดพลาดของผมแค่นั้นเอง”