ฝ้าย สุภาพร กดดันนั่งแท่นผู้จัดการกองประกวดมิสแกรนด์ พร้อมอัพเดทคดีความรอไกล่เกลี่ยคู่กรณี รับกระทบงาน

0
945

 

“ฝ้าย สุภาพร มะลิซ้อน” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2016 เปิดใจหลังนั่งแท่นผู้จัดการกองประกวดสาวงาม ในเวทีมิสแกรนด์ 2019 ครั้งแรก บอกกดดันแต่จะทำเต็มที่ พร้อมให้กำลังใจ และยินดีให้คำปรึกษากับนางงามรุ่นน้อง นอกจากนี้สาวฝ้ายยังถือโอกาสอัพเดทในเรื่องของคดีความหลังถูกอดีตพี่เลี้ยงฟ้องผิดสัญญา
“ใช่ค่ะเป็นผู้จัดการกองประกวด จากนางงามรุ่นพี่ได้มีอีกตำแหน่งเพิ่มขึ้นมาก็รู้สึกว่าตื่นเต้น และรู้สึกภูมิใจมาก ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้ และเป็นคนที่คัดเลือกสาวงามไปพร้อมกับพี่ณวัฒน์ รู้สึกว่าต้องทำการบ้านหนักมากต้องดูนางงาม 77 คนถือว่าเยอะมากเลยนะคะ ก็ต้องดูดีๆ ต้องดูว่าน้องน้องเหล่านี้ มีทัศนคติอย่างไร พร้อมใช้งานหรือเปล่า พร้อมทำงานไหม”

เหมือนเป็นตำแหน่งที่หนักมากกว่านางงามอีก?
“ใช่ค่ะ เป็นนางงามยังไม่หนักเท่านี้เลยนะคะ การเป็นผู้จัดการกองประกวด เป็นอะไรที่หนักมาก ก็ต้องขอบคุณพี่ณวัฒน์ ที่ไว้ใจให้ฝ้ายอยู่นะตรงนี้ กดดันไหมไม่กดดัน แต่ว่าลำบากใจในการเลือกมากกว่า เพราะแต่ละคนก็สวยทั้งนั้นเลย และความสามารถเยอะด้วย และที่สำคัญคือมีความมุ่งมั่นตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่เข้ากอง ก็เลยรู้สึกว่าเข้าใจพี่ณวัฒน์ แล้วว่า ว่าการตัดใครสักคนหนึ่งมันลำบากใจ มันเป็นยังไง”

จากประสบการณ์ของเรามันจะสามารถช่วยเราได้อย่างไรบ้าง?
“ ช่วยได้เยอะเลยนะ คะจากการที่ฝ้ายเองก็เป็นหนึ่งในครอบครัวมิสแกรนด ก็รู้ว่าโจทย์ของมิสแกรนด์ต้องการอะไรและการเป็นนางงามของมิสแกรนด์ต้องเป็นในแนวทิศทางไหน”

เห็นน้องๆแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง?
“บางคนสวยมากเลย สวยมาก และมันยากมากเลยนะคะ ที่จะตัดใครออกแต่ว่าที่สำคัญเลยการที่เราได้อยู่กับน้องๆ ทุกวันในการเก็บตัว ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง มันก็อาจจะเป็นการง่ายก็ได้ เพราะทุกคนตอนนี้มี 100 คะแนนเต็มอยู่อยู่ที่ว่าใครจะเก็บ 100 คะแนนเต็มนั้นไว้ ให้จนถึงวันที่เขาตัดสิน หรือว่าจะโยนทิ้งไปทีละคะแนน ก็ต้องอยู่ที่น้องน้องแล้วค่ะ”

เกณฑ์การตัดสินปีนี้มันเข้มข้นมากน้อยขนาดไหน?
“ใช่ค่ะ มันก็เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมนะ คะต้องบอกว่าทุกคนตั้งแต่วันแรกที่เข้ากองทุกคนคิดว่าเป็นการแข่งขันหมดเลย และมันเข้มข้นตรงที่ว่าเราจะต้องมีเกณฑ์การตัดสินให้มาตรฐาน ซึ่งมิสแกรนด์ คงความมาตรฐานแบบนี้มาอยู่แล้ว ฝ้ายค่อนข้างที่จะสบายใจในเรื่องนี้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีเส้นแน่นอน ก็อยู่ที่ความสามารถของน้องน้องแล้วค่ะ”

ฝากถึงน้องๆหน่อย?
“ก็ฝากให้น้องๆให้ตั้งใจทำให้เต็มที่ ฝ้ายเป็นกำลังใจให้อยู่แล้ว มีอะไรก็ถามได้ไม่ต้องเกรงใจว่า ฝ้ายจะดุหรือเปล่า ฝ้ายดุแค่ในจอนอกจอไม่ดุค่ะ ก็ถามได้ ให้คำปรึกษาได้ อันไหนที่ไม่เข้าใจอันไหนที่อยากพัฒนาตัวเองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ปรึกษากันได้ แต่ที่สำคัญเป็นกำลังใจให้น้องๆ มากกว่าค่ะ”

อัพเดทคดีตอนนี้ไปถึงไหนบ้าง?
“ตอนนี้ก็ยังอยู่ในชั้นศาลอยู่ค่ะ ยังไม่จบ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมไป ศาลยังต้องนัดต่อไปอีก เพราะยังไม่เสร็จสิ้น เดี๋ยวจะได้ไกล่เกลียกันแล้วและจะได้รู้ว่าสรุปมันเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเราก็ไม่รู้ในการที่เราได้หมายศาล พอเรารู้เราก็ทำเต็มที่ของเรา มันก็ต้องยืดเยื้อค่ะ เพราะเรายังไม่ได้มีการคุยกันเป็นจริงเป็นจังแบบหน้าต่อหน้า ก็อยากให้จบไปในทางที่ดีนะคะ เพราะเราเองก็บริสุทธิ์ใจ เขาเองก็อยากได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เราก็ไม่ได้จะกั๊กอะไรไว้ แต่แค่มันเป็นที่ระยะเวลาและความไม่เข้าใจกันมากกว่า ก็เดี๋ยวให้ไปคุยกับทางศาลค่ะ เดี๋ยวศาลจะนัดมาและเราจะต้องไปที่ศาล ก็ยังไม่จบ คือเราคุยนะคะ แต่ด้วยความที่เขาไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมา เราก็ไม่รู้จะคุยอย่างไร พอเราไปที่ศาลก็ไปตามที่ศาลนัด แต่ว่าคดีก็ยังไม่เสร็จสิ้น”

เห็นมียอดขึ้นสูงด้วย เรากังวลไหม?
“ไม่กังวลนะคะ เพราะว่า กิ๊ฟวอยเช่อมันแบ่งไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นสินส่วนบุคคลที่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ และไม่สามารถให้ใครใช้ได้นอกจากคนที่ได้รางวัล แต่ถ้าเขาจะเอาก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมบอกค่ะว่าควรจะไปในทิศทางไหน แต่ส่วนที่เราต้องแบ่งเราก็ต้องแบ่งอยู่แล้ว เราไม่ได้โกงเขา ตอนนี้อยู่ในชั้นศาลแล้วก็วางใจในกระบวนการยุติธรรมได้ ผลออกมาก็ยุติธรรมแน่นอนทั้งสองฝ่าย”

พี่ณวัฒน์ว่าอย่างไรบ้าง?
“พี่ณวัฒน์ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ และคอยอยู่เคียงข้างตลอด อะไรถูกอะไรผิดก็ว่าไปตามนั้นค่ะ แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้มันไม่ได้มีใครผิดไม่ได้มีใครถูกมันเกิดจากการเข้าใจผิดมากกว่า เพราะฉะนั้นมันก็ต้องเคลียร์กัน อยู่ที่ชั้นศาล ก็อยากให้จบนะคะมันจะได้ไม่มีอะไรค้างคากันสักที ต่างคนต่างจะได้ไปมีชีวิตของตัวเองและจะได้ไม่ต้องมาติดค้างเรื่องอะไรที่มันปวดหัว ถามว่ากระทบกับผลงานเราไหมก็มีส่วนนะคะ ค่อนข้างเยอะเลยที่กระทบกับผลงานของเราและรู้สึกว่ามันมากไปแล้ว มันกระทบมากไปแล้ว ทั้งๆที่เราก็อยากพูดนะแต่เราพูดออกมาไม่ได้เพราะมันอยู่ที่กระบวนการชั้นศาล อาจจะไม่เป็นผลดีต่อรูปคดีเพราะฉะนั้นอะไรที่มันเป็นไปได้ในตอนนี้เราก็ปล่อยให้มันเป็นไป”