โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ เปิดบ้านต้อนรับบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าเยี่ยมชมโรงเรียนศิลปะการอาหารระดับสากลในงาน Open House พร้อมจัดเสวนาครั้งแรก ได้ 3 ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์ ในหัวข้อ The Right Start: How to make it big in the F&B business ณ โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า เอ็มโพเรียม ที่ผ่านมา
จัดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกเดือน สำหรับงานเปิดบ้าน หรืองาน Open House ของโรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ สถาบันการศึกษาด้านอาหารชั้นนำในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน พร้อมชมสาธิตการทำอาหารและชิมเมนูสุดอร่อยจากเชฟผู้สอนมากประสบการณ์ ตลอดจนรับคำปรึกษาด้านการเรียนที่มีหลักสูตรระดับสากลตั้งแต่หลักสูตรระยะสั้นไปจนถึงหลักสูตรประกาศนียบัตร และด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากการจัดงานที่ผ่านมา เปิดบ้านครั้งนี้จึงมีความพิเศษกว่าทุกครั้ง โดยเชิญ 3 ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจอาหาร ร่วมงานเสวนาที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก หรือคูลิเนอร์ ทอล์ค ครั้งที่ 1 ปลดล็อคความสำเร็จ เตรียมความพร้อมเพื่อความสำเร็จสู่การเป็น “เชฟมือ
อาชีพ” และ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” กับ 3 กูรูดัง นำโดยอาจารย์บิ๊บ ชัชชญา รักตะกนิษฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาด้านศิลปะอาหาร พร้อมด้วยคุณต่อ ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี หรือต่อ เพนกวิน เจ้าของธุรกิจอาหารยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และคุณสุ สุทิพยาพร ธนะโชติ ผู้ร่วมก่อตั้ง เพจถนัดชิม เพจรีวิวอาหารและคาเฟ่ชื่อดัง ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองประสบการณ์
หน้าตาอาหารที่สวยงามหรือรสชาติที่ถูกใจ อาจจะทำให้ธุรกิจอาหารอยู่ได้ แต่อาจจะไม่รุ่งเสมอไป “การจะทำอาหารให้(ถูกตา)ถูกใจผู้บริโภค สร้างรายได้ให้ร้าน และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในธุรกิจร้านอาหาร ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในการคัดเลือกวัตถุดิบ การคำนวนต้นทุนกำไร การควบคุมคุณภาพของอาหาร การศึกษาตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นต้น รสชาติอาหารดีอย่างเดียวเราอยู่ไม่ได้นะคะ เพราะร้านอาหารเปิดใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เราต้องรู้ความเป็นไปของอุตสาหกรรม หมั่นหาความรู้และต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาค่ะ” อาจารย์บิ๊บ ชัชชญา รักตะกนิษฐ ผู้ที่คร่ำหวอดในวงการอาหารไทย และมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานในด้านการศึกษาด้านศิลปะอาหารมามากกว่าสิบปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ กล่าว
ในมุมมองของ คุณต่อ ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี หรือต่อ เพนกวิน เจ้าของธุรกิจอาหารที่สามารถฝ่าวิกฤตร้านอาหาร จนสามารถกลับมายืนอย่างสวยงามด้วยรายได้ที่มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี กล่าวว่าแบรนด์ดิ้งและกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนควรให้ความสำคัญ “การทำธุรกิจร้านอาหารก็เหมือนกับการเล่นฟุตบอล การทำงานเป็นทีมจึงมีความสำคัญมาก เปรียบกองหน้าเหมือนคนที่ต้องดูแลลูกค้า ขายอาหาร กองหลังเปรียบเหมือนคนหลังบ้านที่ต้องคอยควบคุมเกมส์หรือรักษาประตู ซึ่งในที่นี้คือไม่ใช่แค่เพียงแต่คุณภาพของอาหาร แต่ต้องดูไปถึงกลยุทธ์ในการบริหารร้าน ถ้าขายได้อย่างเดียว ต่อให้อาหารอร่อย มีลูกค้าประจำเยอะแค่ไหน แต่หลังบ้านเอาไม่อยู่ ต้นทุนกำไรบวกลบแล้วแทบไม่เหลืออะไร อย่างนี้ก็อยู่รอดได้ยากครับ การทำธุรกิจอย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วเรามองที่บรรทัดสุดท้ายว่าเราได้กำไรเท่าไหร่ อย่าละเลยเรื่องการวางแผนบริหารต้นทุนกำไรเด็ดขาดครับ”
ต่อให้ทุกอย่างดี แต่ไม่ตรงโจทย์ความต้องการและกระแสนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ธุรกิจร้านอาหารจะไปรอดได้อย่างไร “ในฐานะที่เรามาจากเพจตัวแทนผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีใจรักในด้านการรับประทานอาหาร การค้นหาร้านอาหารและคาเฟ่ใหม่ๆ เราสังเกตว่าหนุ่มสาวยุคนี้มองหาความแปลกใหม่ค่ะ จริงอยู่ที่มีบางเมนู ร้านอาหารบางเจ้าที่เราไปทานซ้ำๆด้วยรสชาติ แต่เดี๋ยวนี้ อะไรก็มาไวไปไว การนำเสนอ เรื่องราว การตกแต่งร้าน เราว่าสำคัญ การตัดสินใจในแต่ละครั้งที่อยากจะไปร้านใหม่ๆ หนึ่งเลยเราจะมองเรื่องการตกแต่งร้าน ความใส่ใจดีเทลเล็กๆ แม้กระทั่งอาหารที่เสิร์ฟหรือการตกแต่งจานเสิร์ฟ ซึ่งทางทีมถนัดชิมก็เห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ ร้านต้องไปตีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองโดดเด่นจากร้านอื่น แต่ก็ยังคงมีจุดเด่นของตัวเอง” คุณสุ สุทิพยาพร ธนะโชติ ผู้ร่วมก่อตั้งเพจถนัดชิม เพจรีวิวอาหารและคาเฟ่ชื่อดังที่มีผู้ติดตามกว่าสี่แสนคน กล่าวเสริม
สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 3 กูรูชื่อดังในธุรกิจร้านอาหารเห็นพ้องตรงกันคือผู้บริโภคยุคใหม่ยังคงให้ความสำคัญกับคำว่า“คุณภาพ” แต่คุณภาพในที่นี่ ไม่ได้หมายถึงเพียงแต่รสชาติของอาหารเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงในแง่ของคุณภาพของวัตถุดิบ การให้บริการและประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าประทับใจ รวมไปถึงราคาที่สมเหตุสมผล อย่างจะเห็นได้จากกระแสอาหารเพื่อคนรักสุขภาพที่กำลังมาแรงในขณะนี้ การใช้วัตถุดิบปลอดสารเคมีหรือปลูกในระบบฟาร์มปิด เรื่องราวแนวคิดการรังสรรค์เมนูอาหาร รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ตรงจุดทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการตัดสินใจรับบริการของผู้บริโภคยุคนี้
“จริงอยู่มีหลายคนที่ประสบความเร็จในการประกอบธุรกิจร้านอาหารจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แต่ใครจะทราบว่า เจ้าของธุรกิจเหล่านั้นกว่าที่พวกเขาจะมาอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จใช้เวลานาน บางครั้งนับเป็นสิบปี คูลิเนอร์ ยินดีต้อนรับผู้ที่สนใจที่จะเดินในเส้นทางสายธุรกิจอาหารทุกคน เรามุ่งมั่นที่จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้ก้าวแรกของทุกท่านเป็นก้าวที่มั่นคงและนำไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่หลงใหลในการประกอบอาหาร หรืออยากที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เรามีหลักสูตรระดับสากล และคณะอาจารย์มากประสบการณ์พร้อมพาคุณไปสู่ทุกเป้าหมายของคุณอยู่ค่ะ” อาจารย์บิ๊บ ชัชชญา กล่าวปิดท้าย
โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์มีหลักสูตรครอบคลุมทางด้านศิลปะการอาหาร การคิดวิเคราะห์
การบริหารจัดการธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารของคนรุ่นใหม่ พร้อมสร้างนักนวัตกรเพื่อธุรกิจอาหารในอนาคต โดยมีหัวใจสำคัญ 4 ประการ คือ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ นวัตกรรมที่ทันสมัย การเป็นผู้ประกอบการที่ดี และการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมหรือติดต่อเข้าเยี่ยมชมโรงเรียน ได้ที่ +66 (0) 2090 2807-8 โดยทั้งนี้สามารถติดตามรายละเอียดสำหรับงานเปิดบ้านครั้งถัดไป และเสวนาคูลิเนอร์ ทอล์ค ครั้งที่ 2 ได้ที่ www.facebook.com/culineurschool/