เปิดตัวรักครั้งใหม่ได้ไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นดราม่าทันที เมื่อมีคนออกมาแฉว่าหนุ่มเจโม่ หวานใจสาวใบเฟิร์น พัสกร คบซ้อน โดยล่าสุดสาวใบเฟิร์นออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวยอมรับเสียใจ ตกใจ และขอถอยออกมาก่อน เผยฝ่ายชายยังตามง้ออยู่ ลั่นพ่อพูดถูก หากกลับไปก็โง่เต็มที!
ลำดับเรื่องราวให้ฟังหน่อย?
“จริงๆต้องเริ่มตั้งแต่วันที่14 จริงๆวันนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก คือวันนั้นตอนเย็นก็ไปทานข้าวกับพี่โม่เป็นเรื่องปกติ จริงๆแล้วเฟิร์นกับพี่โม่ไม่หวาน วันนั้นก็แค่ไปทานข้าวจริงๆ เสร็จแล้วก็คือพอไปนั่งกินข้าวสักพักนึงก็เห็นว่าเขาโพสต์รูปคู่เรา เราก็เออๆ โอเค เรารู้สึกว่าเขาก็คงอยากจะโพสต์ในวันวาเลนไทน์มั้ง เขาก็พูดว่าเป็นครั้งแรกที่เขาโพสต์ เราก็คิดว่าคงอยากให้เป็นโมเม้นท์สักอย่างมั้ง เราเห็นว่าเขาโพสต์ ตอนแรกเราลงสตอรี่ เลยโพสต์บ้าง ไม่ได้คิดอะไร เพราะก่อนหน้านี้หลายคนก็ทราบอยู่แล้วว่าเฟิร์นเริ่มมีคนคุยอยู่ วันนั้นจริงๆก็ไม่มีอะไร มานั่งเช็คคอมเมนต์ก็ยังไม่มีอะไร จนวันที่15 เฟิร์นจำเวลาแน่นอนไม่ได้นะ แต่เฟิร์นเริ่มเห็นเป็นคอมเมนต์ในไอจีเฟิร์นก่อน ประมาณ2-3คอมเมนต์แปลกๆ ที่เรารู้สึกสะกิดๆ คิดว่าอะไรวะ เริ่มตกใจนะ เป็นคอมเมนต์ประมาณว่า เลิกทางนั้น เลิกทางนี้ก่อน ตอนนั้นงงๆ ก็เลยไปดูไอจีพี่โม่ว่ามีไหม ปรากฏว่าก็มีประมาณเดียวกัน คนเดียวกัน แต่ภาษารุนแรงกว่า เลยเข้าไปทักในไดเรคไอจีเลยไม่ได้ปรึกษาใครด้วย เราเลยเห็นว่าเขาก็ส่งข้อความมาในไดเรคไอจีเราเหมือนกัน ข้อความประมาณคอมเมนต์ในไอจีเลย เราก็พูดไรไม่ถูก ได้แต่พูดไปว่ามันจริงหรอคะ แล้วมันยังไงคะ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เสร็จแล้วเขาก็เริ่มบอกว่า มันแบบนั้น แบบนี้นะคะ ถ้าคุณเฟิร์นอะไรยังไง ลองคุยกับน้องสาวเขาไหม เฟิร์นเลยบอกว่า ได้ค่ะ ยินดีค่ะ เขาก็ให้เบอร์มา เราก็โทรไปเลย ไม่รู้ว่าเขารู้ไหมนะว่าเฟิร์นจะโทรไป เฟิร์นก็โทรไปว่า เฟิร์นนะคะ เรื่องราวมันเป็นยังไงหรอคะ เขาก็พูดเหมือนที่เขาโพสต์เลย เราก็เลยบอกตามตรงว่า เฟิร์นไม่เคยรู้เลยจริงๆ แล้วตอนนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน จับต้นชนปลายไม่ถูก ก็ทำได้แค่ขอโทษนะคะที่เฟิร์นไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แล้วก็ฝากไปขอโทษผู้หญิงคนนั้นด้วย ว่าไม่รู้จริงๆเพราะว่าถ้ารู้มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
เราเชื่อเขา100%เลย ไม่ได้ถามคนของเราก่อน?
“ตอนนั้นหนูคิดตั้งแต่แรกที่คุยกับคนนั้นแล้วว่าอยากจะโทรไปถามพี่โม่ว่ามันยังไง แต่พอตอนนั้นไม่รู้ต้องเริ่มยังไง ปากคอสั่นเลย ทำเป็นสตรองไปงั้นแหละ พอเจอจริงๆก็ไม่รู้จะทำยังไง แล้วตอนนั้นอยู่คนเดียวไม่มีใครให้ปรึกษา”
แสดงว่าพอรู้ปุ๊บเราก็ช็อกไปเลย ?
“เราเคยเห็นนะเหตุการณ์อะไรแบบนี้ แต่พอมาเจอกับตัวเองมันก็ช็อก”
เราเริ่มคุยกับฝ่ายชายเมื่อไหร่ ?
“พอได้คุยกับทางน้องสาวเขา ได้ขอโทษกันเสร็จเรียบร้อย ตอนนั้นเรายังไม่รู้นะคะว่าเขาโพสต์อะไร จนกระทั่งเขาบอกกับเราว่า ขอโทษนะคะ เขาโพสต์เรื่องนี้ไปแล้วด้วยอารมณ์ของเขา วินาทีนั้นคำเดียวที่เราคิดในใจก็คือ ‘ชิบหายแล้ว’ แต่ก็บอกเขาไปว่า ‘ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว’ จากนั้นเขาก็เตือนว่าเรื่องมันเริ่มเป็นข่าวแล้ว คือเขาคุยกับเราดีมาก เราทั้งคู่คุยกันด้วยดี รวมถึงเรายังบอกขอบคุณเขาด้วยที่เตือนมา ซึ่งเรามารู้อีกภายหลังว่า จริงๆ เขาพยายามเตือนมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่เป็นเราเองที่ไม่เห็น เพราะเราไม่เคยอ่านไดเรกเมสเซจ เนื่องจากระบบมันไม่เคยแจ้งเตือน เราก็เลยคิดว่ามันคงเป็นดวงของเราเองด้วยมั้งที่ทำให้เรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ เพราะเราไม่เคยอ่านไดเรกเมสเซจ”
คุยกับเจโม่ตอนไหน?
“พอวางหูไปก็เริ่มล่ะ อยู่คนเดียวเอาไงต้องคุยแล้ว เหมือนนางก็เริ่มรู้ ก็โทรมา แป๊ปเดียวเอง เขาโทรมาหาหนู ตอนแรกกะจะโทรไปหาเขา นั่งเรียบเรียงนู้นนั่นนี่ ไม่นานนางก็โทรมา หนูก็ถามพี่โม่เรื่องมันเป็นไง มันจริงมั้ย เขาก็ยอมรับว่าเรื่องมันก็เป็นแบบที่รู้นั่นแหละ เขาก็ยังคุยกันอยู่ เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปมาหาสู่กันแล้วเท่านั่นเอง เขาขอโทษ เขาไม่ได้แก้ตัวอะไรใดๆ แต่เล่าว่ายังคุยกันอยู่ในไลน์จริงๆ แต่ไม่ได้ไปเจอ”
เขายอมรับว่าคบซ้อน?
“เขาไม่ได้พูดว่าคบซ้อน ตอนนั่นเฟิร์นไม่มีคำว่าคบซ้อนในหัวนะ เขาพูดแค่ว่ามันก็เป็นตามนั้นเขายังคุยกันอยู่ แต่ว่าไม่ได้ไปเจอ ก็ห่างๆ “
คิดว่าถูกหลอกมั้ย?
“มันแน่นอนอยู่แล้ว มันชัดอ่ะ เราไม่รู้ว่าเจตนาเขาตั้งใจหรืออะไร แต่แค่รู้สึกว่าวันนี้เราโดนกับตัวเองแล้ว”
ฟังจากปากเขารู้สึกอย่างไร?
“ก็เสียใจนะ เพราะว่าเราไม่ได้คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แล้วมันก็ช็อก ทำตัวไม่ถูก เสียใจแต่ ณ ตอนนั้นที่เขาพูดมาเราก็ไม่ได้คุยกันเยอะ เฟิร์นฟังข้อมูลจากน้องเขามา ก็รู้สึกไม่อยากคุยอะไรแล้ว “
ความสัมพันธ์ตอนนี้คือ?
“ณ ตอนนั้นเอาจริงๆ ในโทรศัพท์ตอนนั้นยังไม่ได้สรุปว่าจะเอายังไง เฟิร์นแค่ฟังแล้วถามมันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย ก็ตามนั้น มันก็อึ้งๆ งงๆ เฟิร์นก็ตัดสินใจวางหูไป “
โมโหมั้ย ได้พูดอะไรกับเค้ารึเปล่า?
“ไม่ใช่ฟิลโมโหนะคะ แต่มันเป็นฟิลทำอะไรไม่ถูก มือสั่น ใช่เหรอ จริงเหรอ เหมือนมีคำถามอยู่ในหัว”
ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มยังไง เขาเข้ามาหาก่อน?
“จริงๆ พี่โม่เป็นเพื่อนในแก๊งที่เราอยู่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้รู้จักกันไม่นานค่ะ เพิ่งรู้จักช่วงปลายๆตุลา กันยา ประมาณนั้น ไทม์ไลน์เฟิร์นจำไม่ได้ แต่หลังจากที่เขากลับมาจากออสเตรีย เขาก็มาช่วยงานพี่ที่รู้จัก เขาอยู่ร้านอาหารที่ทุกคนทราบ ซึ่งพี่คนนี้ที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร เฟิร์นก็เป็นแก๊งเดียวกัน จะได้เจอกันอยู่แล้ว แล้วเฟิร์นก็เจอเขามากขึ้น ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ เฉยๆ แต่พอมันอยู่ในแก๊งด้วยกัน เจอกันบ่อย ได้พูดคุยกัน เราก็รู้สึกดีกับเขา”
เราไม่เคยรู้ประวัติเขามาก่อน ว่าเขาคบกันแฟนมา 10 ปี ?
“ไม่ทราบเลยค่ะ”
มีระแคะระคายไหม ?
“ถ้าระแคะระคาย เอาจริงๆไหม คือต้องบอกเลยว่าเฟิร์นกับพี่โม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง แล้วก็เฟิร์นทำงานของเฟิร์น เขาก็ทำงานของเขา เฟิร์นไม่รู้สึกอะไรเลย เอาจริงๆแล้วเฟิร์นก็เคยเจอเพื่อนในแก๊งค์เขา”
เราเคยถามเขาไหม เรื่องแฟน ?
“ไม่ตั้งแต่ตอนแรกที่คุยกัน เขาก็พูดอยู่ว่าเขาไม่มีใคร เขาบอกอาจจะมีคนคุยบ้าง แต่คุยน้อยลงแล้ว แต่ตอนนี้เขาใช้คำว่าแฟน จุดที่ทำให้เรามั่นใจ อย่างที่บอกเฟิร์นเคยเจอเพื่อนพี่โม่หลายคนมาก ไม่ว่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน เอาจริงๆพี่หลายๆคนก็เพิ่งรู้พร้อมเพื่อน หลายๆคนก็ช็อกเขาก็ไม่รู้มาก่อน คือเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว เขาก็พาเฟิร์นไปเจอครอบครัวนะ เจอครบเลย คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย พี่สาว มันเลยทำให้เรารู้สึกไม่มีอะไรอ่ะ ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่เคยปิดอะไร แล้วเฟิร์นไม่ใช่ผู้หญิงมาเช็คมือถือแฟน หรือมานั่งดู เพราะเฟิร์นก็ทำงานของเฟิร์น เฟิร์นเองก็ไม่ชอบให้ใครมาเช็คมือถือเฟิร์นเหมือนกัน”
กิริยาคนที่บ้านของเขา ปกติกับเรา ?
“พ่อแม่เขาคุยกับเฟิร์นปกติเลย ขอถ่ายรูป หลานมาขอลายเซ็น ปกติเลย”
บทสรุปตอนนี้ ?
“บทสรุป ณ ตอนนี้ใช่ไหมค่ะ จริงๆอย่างที่บอก ณ ตอนนั้นพอวางหูจากพี่โม่ไป เราก็ประมวลกับตัวเองแล้วแหละ แล้วรู้สึกว่ามันต้องถอยแล้วจริงๆ ถามว่าก่อนหน้านี้ที่จะรู้เรื่องของเขา มีความรู้สึกดีๆกับเขาไหม เขามีความรู้สึกดีๆกับเขามาก มันเป็นความรู้สึกที่เขาโอเค พอ ณ ตอนนี้แล้ว หนูก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าในอนาคตถ้าถามอนาคตจะยังไง หนูก็ยังตอบตัวหนูเองไม่ได้”
ถอยแต่ไม่เลิก ?
“ไม่คือ คือ…คือมันจะเข้าใจยังไงได้อ่ะพี่ ก็คือออกมาแล้ว เขาจะอยู่ยังไงก็เป็นเรื่องของเขา”
เขามาง้อไหม ?
“ง้อค่ะ ก็ต้องบอกว่าเขายังติดต่อมา หนูก็ตอบเท่าที่ตอบได้ และคุยเท่าที่คุยได้”
ได้คุยไหมว่า ให้เขาไปเคลียร์ฝั่งนู้นก่อน?
“อ่อ อันนี้หนูรู้สึกว่าตอนนี้คุยก็คงโดนหนักพอๆ
กัน ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงชีวิตคุณแล้ว”
ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดขาดเขา ?
“ตอนนี้เขาก็ยังติดต่อมาอยู่ หนูก็มีเปิดอ่านแต่ไม่ตอบบ้าง”
ใจเรายังให้โอกาสเขาไหม ?
“คือ ณ ตอนนี้หนูต้องเอาตัวหนูออกมาก่อน เอาออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นก่อน ถ้าถามหนู เอาจริง หนูไม่ได้รู้สึกโกรธ เกลียดอะไรเขา หนูรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันแย่ แต่หนูรู้สึกว่าหนูก็เคยเจอความรักที่มันไม่ถึงกับแย่ แต่ไม่ได้เวิร์ค กับคนเก่าหนูก็รู้สึกว่าก็เป็นเพื่อนกัน เลิกกันก็เป็นเพื่อนกันได้”
ระยะเวลาที่คบกันในฐานะแฟนนานแค่ไหน?
“เอาจริง ๆ หนูเคยบอกไปในรายการหลังวันแต่งงานของพี่พีเค เพราะวันนั้นพี่โม่ไปด้วย แล้วหนูรับดอกไม้ได้ ซึ่งหนูกับพี่โม่ยังไม่ได้มีการตกลงกันว่าเราเป็นแฟนกันอย่างจริงจัง แต่เราก็รู้สึกดีต่อกันไป ไหนมาไหนไม่ได้ปิดบัง ไปกินข้าวก็ไปด้วยกันเป็นแก๊ง แต่ก็ไม่ได้แบบว่าเธอเป็นแฟนนะ คือรู้ว่าเป็นคนสำคัญ คนที่ศึกษากัน เพราะในระยะเวลาแค่ 4 เดือนเอง ตอนนั้นที่ยังไม่รู้เรื่อง เราก็รู้สึกว่าไม่ได้มาขอเป็นแฟนก็ไม่เป็นไร แต่ ณ ตอนนี้ถ้าถามว่าให้โอกาสเขาไหม หนูมองว่าอนาคต ตัวหนูยังตอบตัวเองไม่ได้เลย แต่มันก็ไม่ได้ง่ายแล้ว เพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่อนข้างหนัก”
เรื่องที่เกิดขึ้นลามไปถึงผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ครอบครัว ท่านว่ายังไงบ้าง?
“หนูยังไม่ได้คุยกับพ่ออย่างเป็นทางการ จริง ๆ แล้วหนูไม่ค่อยได้เจอกับพ่ออยู่แล้ว แต่จะคุยกับแม่แล้วพ่อก็มาทางแม่ตลอด เอาจริง ๆอย่างที่พ่อบอกเขาไม่รู้เพราะเขาไม่เคยเจอ ซึ่งหนูคบกับพี่โม่แค่ 4 เดือนเองยังไม่พาไปเจอใครอยู่แล้ว แม่ก็เหมือนเจอผ่าน ๆ แว๊บ ๆ ยังไม่ได้มีการมานั่ง เหมือนอย่างที่หนูไปเจอครอบครัวเขา”
คำพูดที่พ่อบอกว่าถ้ากลับไปคบกับเขาก็โง่เต็มที?
“ก็คงจะเป็นอย่างที่พ่อพูดนั่นแหละ(ยิ้ม)”
คิดว่าตัวเองพลาดตรงไหน เร็วไปไหม?
“ถ้าเกิดหนูถามพี่ว่าวันนี้ถ้าพี่มีความรัก ในระยะ 2-3 เดือนแรกความรักของพี่เป็นยังไง ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เราจะต้องมากั๊กหรือเก็บ เพราะปกติหนูไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องตัวเอง ถ้าพี่รู้จักหนูก็จะบอกว่าพี่หนูไม่มีเรื่องคุยหรอก แต่หนูก็ให้เกียรติ คนที่จะมาอยู่ข้างข้างหนูในอนาคต โดยการที่ไม่ได้ปิดบัง เจอผู้ใหญ่หนูก็แนะนำตามปกติ ถามว่าเร็วไปไหม หนูก็บอกว่าเป็นการศึกษากันในระยะเริ่มต้นอย่างที่หนูบอกไว้อยู่แล้วค่ะ”
เรามองว่าตัวเองกลายเป็นโลก 2 ใบของเขาไหม?
“ตอนนี้น่าจะไม่นะคะ เพราะว่าหนูถอยออกมาแล้ว หนูไม่รู้ว่าเขามีกี่ใบ ก็อาจจะมีสองใบ(ยิ้ม)”
ณ วันนี้สภาพจิตใจโอเคหรือยัง?
“ดีค่ะ ดีขึ้นกว่าวันแรกมากเลย วันแรกก็ร้องไห้ ก็โทรมแหละอย่างที่พวกพี่เห็น แต่ว่าเวลาผ่านไปแล้ว หนูต้องบอกว่าตัวเองโชคดีหนูได้กำลังใจเยอะมาก ๆ หลายหลายครั้งหนูไม่ได้เปิดอ่านคอมเม้นต์ ไม่ได้เปิดอ่านไลน์ที่มีใครส่งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นคนที่หนูรู้จักคนใกล้ตัวใกล้ตัว หลั่งไหลกันเข้ามา หนูก็ไม่ได้เปิด แต่ว่าหนูก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ หนูจะพยายามทยอยตอบทุกคนนะคะ แต่ที่ผ่านมาหนูไม่รู้จะยังไง ก็รอวันนี้แหละค่ะ”
เรื่องนี้สอนอะไรเราบ้าง ?
“ เอาจริงๆหนูค่อนข้างมั่นใจนะ ว่าหนูไม่ได้ทำอะไรผิด กับเรื่องนี้ ถ้าสอนอะไรสักอย่าง ก็คงเป็นประสบการณ์อะคะ ที่ทำให้เราได้เจอ “
หลายคนสงสารเราที่ความรักครั้งก่อนก็ไม่ดีมาเจอครั้งนี้อีก ?
“ หนูคิดว่าพี่ๆที่อยู่ตรงนี้ก็น่าจะหนักกว่าหนูนะ หนูคิดว่า ไม่มีใครที่จะมีแฟนคนสองคนแล้วก็สำเร็จเลย มันไม่มีอะ คนที่สงสารก็หนักหน่วงอะ กว่าจะมาเจอคู่แท้ของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่าย หนูก็เป็นคนหนึ่งแหละที่ต้องเผชิญต่อไป “
คนต่อไปต้องสืบประวัติเลยไหม ?
“ คนต่อไปมาเสนอตัวเยอะมากค่ะ บอกพร้อมดามใจมาก ถึงผมจะไม่รวย ก็บอก หยุดๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน ฟิลแบบคนทั่วไปอะ ที่ประมาณว่า ถึงผมจะไม่หล่อเท่าเขา ก็บอกว่า พักก่อน “
มันต้องดูเยอะขึ้นไหม ?
“ ก็ต้องดูเยอะขึ้นค่ะ แต่อันนี้เรารู้สึกว่าไม่ได้พลาดนะ เพราะเรารู้สึกว่าเพื่อนเขาเราก็เจอ พ่อแม่เขา เราก็เจอ ไม่มีสัญญาณอะไร “
ยังเชื่อเรื่องความรักอยู่ไหม ?
“ เชื่อนะคะ แต่เอาจริงๆ ทุกคนเกิดคนเดียว ตายคนเดียวอะ เพราะฉะนั้นชีวิตเราจะถูกขีดไปเจอกับใคร ก็คือเจอ ไม่เจอก็คือไม่เจอ ไม่อยากจะคิดอะไร หนู 30 แล้วอ่ะ “
เชื่อพ่อแล้วใช่ไหม ?
“ หนูไม่เคยเชื่อพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) พูดเล่นๆ หนูจะพยายาม เอาจริงๆเรื่องความรัก ไม่มีใครโง่