อ๊อฟ ชนะพล ปัดพุ่งมีดหมออัพหน้า แจงออกกำลังกายฟิตหุ่น รักแฟน 10ปี แฮปปี้วางแพลนแต่ง

0
590

กลับมาฟิตหุ่นหลังจากที่กักตัวอยู่บ้านในช่วงโควิด สำหรับหนุ่มอ๊อฟ ชนะพล ซึ่งหลายคนแอบทักว่าหน้าดูเด็ก ดูดี เหมือนพึ่งมีดหมอมาหมาด งานนี้เจ้าตัวรีบปฏิเสธ พร้อมแจงที่หน้าดูเด็กแบบนี้เพราะเป็นคนดูแลตัวเอง ออกกำลังกายและผอมลง ส่วนเรื่องความรักกับแฟนสาวที่คบหากันมากว่า 10 ปี ก็เริ่มวางแพลนอนาคตร่วมกันไว้แล้ว

“จริงๆ แล้วผอมด้วยการทำงานครับ เพราะผมถ่ายละครบู๊อยู่เหมือนกัน เรื่อง ทางเสือผ่าน ก็ใกล้จะปิดกล้องแล้ว คิดว่าน่าจะได้ติดตามชมกันเร็วๆ นี้ ก็ต่อเนื่องครับ เพราะเราต้องฟิตหุ่น ฟิตร่างกายเพื่อที่จะมาบู๊ต่อในเรื่องนี้ ก็ได้คุยกับทางผู้กำกับว่าเขาอยากจะให้มีความแปลกใหม่และแหวกแนวออกไปจากที่เขาเคยทำมา ก็ได้มาร่วมงานกันครั้งแรกกับโคลิเซี่ยม ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ซึ่งเราก็ได้ติดตามผลงานของโคลิเซี่ยมมาอยู่แล้ว และเขาคงเล็งเห็นว่าเรามาในทางบู๊อยู่แล้วด้วย ก็อาจจะมาเติมเต็มให้กับละครเรื่องนี้ครับ”

ฉากบู๊ยุค new normal มันจะต้องเป็นยังไง?
“ณ เวลานี้นะครับ จากที่เคยเตะต่อยระยะประชิดก็กลายมาเป็นการบู๊แบบใช้อาวุธปืน ก็จะวิ่งไล่ล่ายิงกันซะส่วนใหญ่ ก็เว้นระยะห่างครับ ส่วนการบู๊แบบเตะต่อยกันก็จะมีบ้าง แต่น้อยลง”

ผอมลงกี่กิโล?
“น่าจะจาก 73 เหลือ 67 ครับ ผมว่าการผอมน่ะง่าย คือผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว เล่นกีฬาอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงจังหวะที่เราได้พักไป 2 เดือน เรากินเยอะ แล้วไม่ได้ทำงานอะไรเลย พอจะเริ่มทำงานก็มีการเตรียมตัวคือกลับมาวิ่ง ออกกำลังกายเบื้องต้น ซื้อลู่วิ่งมาวิ่งที่บ้าน กำหนดตัวเองว่าต้องทำให้ได้วันละ 5 กิโลถ้าเราว่าง”

ผอม แต่สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้ป่วยอะไรใช่มั้ย?
“แข็งแรงสิครับ คือจังหวะเราผอมจะลงเร็วมาก หลายคนที่ถามว่าทำไมเราต้องเล่นขนาดนี้ ผมก็จะตอบเสมอว่าเมื่ออายุมาก มันจะลงยาก แต่ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้ กล้ามเนื้อมันจะอยู่ตัว ก็สามารถคุมน้ำหนักเราได้ครับ”

ผอมแล้วหน้าเปลี่ยนเลย?
“ดีขึ้นมั้ยครับ (ยิ้ม) จริงๆ เราเป็นคนที่มีเบบี้แฟตเรื่องรูปหน้าอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนจะทักว่าเราดูเด็กตลอดเวลาในเรื่องรูปหน้า แต่จริงๆ แล้วความตั้งใจของผมไม่ได้มองเรื่องจะต้องดูเด็กหรือโตขึ้นแค่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย ตั้งแต่เริ่มกลับมาถ่ายละครพี่ๆ ในกองถ่ายก็บอกว่าดูดีขึ้น ดูโตขึ้น มีเชพช่วงหน้าดูดีขึ้น เขาเลยอยากให้เราคงตรงนี้ไว้”

แสดงว่าเราไม่คิดจะไปพึ่งหมอใช่มั้ย?
“ไม่หรอกครับ เรื่องการดูแลหน้าเนี่ยผมจะเอาเรื่องการออกกำลังกายเป็นหลักก่อน ผมจะบอกตัวเองตลอดว่าเรื่องการพึ่งหมอ เรื่องฉีดโบท็อกซ์ ถามว่าจำเป็นมั้ยด้วยวัยของเรา ก็จำเป็น แต่ผมจะเลือกเป็นสิ่งสุดท้าย แต่จะเลือกการออกกำลังกายก่อน แต่ถ้าต้องเร่งรัดก็อาจจะต้องพึ่งหมอครับ”

ความรักก็แฮปปี้ ลดหุ่นเพื่อเตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยหรือเปล่า?
“จริงๆ แล้วเราก็ดูๆ แหละว่าความพร้อมเราไปถึงระดับไหนแล้ว แต่ว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้ที่จะมาพรีเวดดิ้งกันหรือว่ามีฤกษ์ยามที่จะต้องเร่งรัดขนาดนั้น จริงๆ ปีนี้ผมคุยกับทางผู้ใหญ่ไว้ว่าเราก็พร้อมนะ ก็อยากจะให้ไปสู่ขอเป็นธรรมเนียมที่ถูกต้องตามประเพณีไทย แต่บังเอิญว่ามาติดช่วงโควิด ทางผู้ใหญ่เขาก็เลยบอกว่าขอขยับไปเป็นปีหน้าแล้วกัน จะดูฤกษ์ยามก็คงเป็นปีหน้าครับ”

ถ้าสู่ขอแล้วฤกษ์ใกล้ๆ กันจะแต่งเลยมั้ย?
“ก็ต้องดูความพร้อมทั้งสองฝ่าย แต่ผมอยากจะให้เป็นช่วงปลายปีมากกว่า ซึ่งมันจะเป็นช่วงปลดล็อคเรื่องงานด้วย ปลดล็อคหลายๆ อย่างในการใช้ชีวิตของเราเรื่องการทำงาน ตอนนี้น้องเขาก็มีความสุขในการทำงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัวหรืองานที่ทำอยู่ประจำตอนนี้ครับ และเขาก็โอเคในการที่จะขยับไปคุยกันจริงๆ ในปีหน้า แต่ก็บอกไปแล้วว่าถ้าปีหน้าไปสู่ขอก็ดูฤกษ์เลยแล้วกัน จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เราจะได้ทำตัวถูก แต่รวมๆ แล้วมันคือความพร้อมของตัวผมเองและตัวน้อง ครอบครัวน้องด้วยครับ”

ก็ครบ 10 ปีพอดี ?
“ใช่ น้องก็พูดแบบนั้นเหมือนกันครับว่า 10 ปีแล้ว ก็ไปคุยให้ถูกต้อง ถ้าเกิดฤกษ์ยามหรือผู้ใหญ่เขาโอเคภายในปีหน้า ก็อาจจะเห็นงานมงคลที่ดีครับ (ยิ้ม)”

เตรียมพร้อมจะมีทายาทเลยมั้ย?
“ถ้าถามผมก็พร้อมครับ แต่ด้วยเรื่องงานมันยังไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะผมก็อยากจะมีและดูแลด้วยตัวเองด้วย แต่คุณพ่อคุณแม่เขาก็อยากเลี้ยงหลานแหละ เพราะอายุเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะบอกว่าเดินตามรอยรุ่นพี่ที่แต่งงานแล้วเขาบอกยังไม่ต้องรีบ แต่เอาจริงๆ พออยากจะมีลูกมันนานมาก เขาก็แนะนำว่าถ้าแต่งแล้วมีโอกาสมีได้ก็มีเลย”