อองตวน ยันไร้มือที่ 3 ลดสถานะ ชิปปี้ รีเทิร์นเรื่องอนาคต บอกยังห่วงฝ่ายหญิง
ถูกจับตามองว่ามีเรื่องของมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้คงามสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนไป สำหรับคู่ของหนุ่งอองตวน ปินโต และหวานใจสาวชิปปี้ ศิรินทร์ หลังจากฝ่ายหญิงโพสต์แคปชั่นในไอจี “อยากได้ ก็เอาไปเลย” ยิ่งทำให้เป็นการตอกย้ำเรื่องดังกล่าว ล่าสุดทางหนุ่มองตวนที่มาออกงานอีเวนท์วันเดียวกันกับฝ่ายหญิง ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่ลดสถานะลง แต่ยังคงคุยกันได้ เจอกันได้เหมือนเดิท พร้อมเผยโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมเป็นเรื่องของอนาคต และตอนนี้ยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร
ถามถึงเหตุการณ์ที่ชิปปี้โพสต์ในไอจี?
“จริงๆ ตอนที่เขาโพสต์รูป เอาตรงๆ ผมได้คิดอะไร ผมไม่ได้รู้สึกว่าแคปชั่นมันไม่ได้หมายถึงตัวเอง จนกระทั่งมาเห็นข่าว จนรู้สึกว่าคิดว่าเป็นเราทำอะไรมาหรือเปล่า”
ข้อความที่เขาโพสต์ว่า “อยากได้ เอาไปเลย” เราเห็นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?
” ไม่ได้คิดอะไร มันเป็นแค่แคปชั่น คือเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเข้าตัวเอง ก็เลยไม่ได้คิดอะไร เหมือนแค่ผ่านๆ รูปสวย รู้สึกว่าการลงรูปในไอจี เราก็จะมีการไปเสิร์จแคปชั่นตามทวิตเตอร์หรือว่ากูเกิลบ้าง ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็ทำแบบนี้ ก็เข้าไปดู รูปสวยดี”
มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นถึงเป็นที่มาของแคปชั่น?
“ถ้าเหตุการณ์ที่เหมือนแคปชั่นนี้ไม่มี ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าแฟน เราอาจจะเปลี่ยนสถานะจากแฟนมาเป็นเพื่อนหรือว่าพี่น้องมากกว่า เลิกไหม ผมคิดว่าคำว่าเลิกกันมันไม่ใช่คำที่ถูก คำว่าเลิกกันอาจจะทำให้นึกถึงคนที่ไม่คุยกัน ตัดกันเด็ดขาด ซึ่งมันไม่ใช่เรา เราไม่ได้เลิกกัน เราใช้คำว่าเปลี่ยนสถานะดีกว่า”
ทำไมถึงเปลี่ยนสถานะ?
“จริงๆ มันเป็นการคุยกันระหว่างเราสองคนมาสักพักใหญ่ๆ คนอาจจะเพิ่งเห็น หรือว่ามีแฟนคลับบางกลุ่มสงสัยมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ว่าเราสองคนมีการพูดคุยกันมาตลอด ว่าเราควรจะไปยังไงต่อหรือว่าจะเป็นยังไง เข้าใจว่าจนถึงวันนี้ คนอาจจะงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในวันที่ทุกอย่างมันดี เราเลือกจะเอาสิ่งดีๆ ด้านบวกมาให้คนดู เราคิดตลอดว่าเราอยากจะเอาที่มันเป็นรอยยิ้มหรือแง่บวกให้คนดูตลอด แต่ว่าในวันที่มันเป็นด้านลบ เราเลือกที่จะไม่พูดกับคนอื่นดีกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะแชร์กับใคร”
เรื่องที่ถึงวันที่ต้องปรับต้องคุย คือเรื่องอะไร?
“มันไม่ได้มีเรื่องไหนหรือเรื่องหนึ่งหรือเหตุการณ์ไหนเหตุการณ์หนึ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว รู้สึกว่าต้องคุยแล้ว มันไม่ใช่แล้ว เราคุยกันมาตลอด เพราะว่าทุกคู่เวลาคบกัน ต้องปรับกันตลอดเวลา อย่างที่บอกมันเป็นการตัดสินใจของเราทั้งสองคน ว่าเราเปลี่ยนสถานะมาเป็นแบบนี้ดีกว่า”
แคปชั่นเหมือนมีเรื่องมือที่ 3?
“อย่างที่บอกว่าผมอ่านแล้วมันรู้สึกว่าหมายถึงตัวเอง ไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น”
เขาอาจจะเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า?
“อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่อย่างที่ผมบอกแคปชั่นในอินสตาแกรมบางครั้งเราอาจจะแค่เขียนๆ หรืออาจจะเป็น ณ โมเมนต์นั้น แต่ว่าจริงๆ เชื่อว่าลึกๆ แล้วไม่มีอะไร”
พอลดสถานะความสัมพันธ์ เรายังคุยกันมากน้อยแค่ไหน?
“เราก็คุยกันตามปกติ เราก็ยังมีไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็ยังคุยกันได้ปกติ เราไม่ได้มีการทะเลาะกัน เกลียดกัน เรายังปกติก็ยังเป็นห่วงยังรักน้องเหมือนเดิมแต่ว่าสถานะแค่เปลี่ยนไป”
เหมือนเขาจะอันฟอลโลว์เราไปแล้ว?
“ครับ เสียใจไหม อย่างที่บอก ผมเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่มีใครไม่เสียใจอยู่แล้ว แต่เราก็โตแล้วทั้งคู่ในระดับหนึ่งเชื่อว่าเราคุยกันแล้วตัดสินใจกันแล้วว่า ณ ตอนนี้เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า”
เราไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม?
” ผมเชื่อว่าในการลดสถานะมันมีการทำผิดกันทั้งสองฝ่ายจะมากน้อยแค่ไหนเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จะใช้คำว่าไม่ผิดเลยไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีใครผิดทุกอย่างก็ยังคงปกติเหมือนเดิม ก็ลดสถานะมาสักพักใหญ่หลายเดือน ไม่แน่ใจว่ากี่เดือน”
วันนี้เขาออกงานด้วยเรารู้ไหม?
“ก็คุยกันเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาออกงาน ก็เป็นห่วงก็เขาฝากพี่ๆ นักข่าวดูแลเขาด้วยนะครับ”
คู่เราคนจะจำภาพว่าเป้ฯคู่ที่หวาน เราเสียดายไหม?
“จริงๆ น้องก็เป็นคนหวาน เวลาเราเจอกันเราก็ยังรู้สึกว่าเขาก็ยังหวานปกติ โอกาสเหมือนเดิมก็ไม่แน่ ผมพูดไม่ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงรู้แค่ที่ผ่านมาเวลาเราคบกันเราพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ก็ยังไม่เปิดใจให้ใคร”
แต่ยังมีโอกาสเจอ มีโอกาสคุยกัน?
“เจอครับ ก็ได้คุยกัน ก็ยังไปกินข้าวก็ยังไปดูหนังกันบ้าง ตามปกติ อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้เกลียดกัน ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นการตกลงกัน”