“หนุ่ม ศรราม” ควงภรรยา สยบข่าวเม้าท์ พาลูก-เมียหนีไปฝรั่งเศส หลังถูกโยงคดี “ปุ๊กกี้”

0
1145

หลังจากที่อดีตนักร้องชื่อดังปุ๊กกี้ ปริศนา โดนตำรวจรวบตัวพร้อมกับยาเสพติดจำนวนมาก และต่อมาก็มีข่าวอักษรย่อดาราที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีดารา ศ. ทำเอาชาวเน็ตหลายคนก็พุ่งประเด็นไปที่ หนุ่ม ศรราม และหลังจากข่าวออกไม่นานเจ้าตัวก็พาครอบครัว ทั้งภรรยาติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ และลูกสาว น้องวีจิ วัย 2 เดือน บินลัดฟ้าไปพักผ่อนที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส งานนี้ทำเอาหลายคนมองว่าหนุ่ม ศรราม พาครอบครัวหนีกระแสข่าวหรือเปล่า โดยก่อนหน้านี้หนุ่ม ศรราม ได้ออกมาไลฟ์สดเคลียร์ประเด็นต่างๆ ว่าที่ไปฝรั่งเศสเพราะไปเยี่ยมญาติ ไม่ได้หนีอะไรทั้งนั้น


เป็นไงบ้างมีลูกชีวิตเปลี่ยนไหม?
ศรราม : ดีครับมีความสุขแล้วก็สมบูรณ์

ล่าสุดเพิ่งไปฝรั่งเศส?
ศรราม : ใช่ครับเพิ่งกลับมาเมื่อวาน

พี่พาครอบครัวไปเที่ยวแต่ก็มีประเด็นข่าวร้อนให้ระเคืองหู?
ศรราม : คือต้องเรียนแบบนี้ก็คือว่า 10 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปเล่นคอนเสิร์ตที่ยุโรปแล้วก็ที่ฝรั่งเศสด้วย ซึ่งครอบครัวนี้เป็นครอบครัวของอาม่าที่เราสนิทมาก แต่ตอนที่วีจิคลอดอากงไม่สบายก็เลยไม่ได้บินมาเยี่ยม เราก็เลยตกลงกันว่าเดี๋ยวตอนวีจิสัก2 เดือนครึ่ง เราจะพาไปหา

แต่มันก็ห้ามไม่ได้กับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นว่าเราหนึไปฝรั่งเศส เพื่อหนีข่าวดังที่เมืองไทย?
ศรราม : ต้องเรียนแบบนี้ครับที่มันเกิดขึ้นพี่หนุ่มรู้ทีหลังเลย เพราะพี่อยู่บนเครื่องแล้วเราก็ดูคอมเมนต์ต่างๆ ก็อย่างที่ทราบกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่โดยส่วนตัวเราไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะว่าตัวเราทำอะไรเรารู้ตัวเราดี แล้วก็พอทุกอย่างมันเกิด เราก็มัวแต่ดูลูก ทำนู้น ทำนี่ จนทุกอย่างมันชัดเจนหมดแล้ว เรื่องอักษรย่อมันเป็นการกุขึ้นมาทั้งนั้นทางตำรวจก็ออกมาบอกว่าลักษณะของข่าวมันเป็นมายังไง เราก็เลยถือโอกาสชี้แจง แล้วอีกส่วนน้องเขาเป็นเพื่อนร่วมงานมาก่อน เราก็แสดงความเสียใจกับเขาด้วย พูดตรงๆ นะ คนล้มอย่าข้าม อย่างน้อยแสดงความเสียใจกับน้องเขาไม่ใช่เรื่องเสียหาย ส่วนที่เราจะมาบอกว่าตัวเราไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ อันนั่นก็เป็นอีกส่วนนึงที่เรามีความจำเป็นที่จะใช้ช่องทางของเราในการชี้แจง

พี่โกรธไหม?
ศรราม : ไม่ได้โกรธครับ พี่ชี้แจงที่เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด แล้วก็ไม่ได้ชี้แจงด้วยอารมณ์ที่มันฉุนเฉียวหรือว่าโมโหอะไร

มีคุยกับครอบครัวไหมว่าทำไมชื่อต้องมาเกี่ยวโยงกับเรา?
ศรราม : ไม่มีครับ แต่คือติ๊กจะเป็นคนที่ให้กำลังใจตลอด

ให้กำลังใจยังไงบ้าง?
ติ๊ก : ก็มันไม่ใช่ความจริง คือติ๊กมองว่าคนเราเวลาจะเครียด เราจะต้องเครียดเรื่องที่มันเป็นความจริง ความผิดจริง อันไหนเราไม่ผิด เราจะมานั่งเครียดทำไม เราก็เที่ยวแฮปปี้ของเราไป

แต่มันก็มีคนมาเมนต์ว่าเอาไปเที่ยวทำไม น้องวีจิยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนคุณพี่ก็ตอบกลับไป?
ศรราม : คุณพ่อตอบกลับไปด้วยความสุภาพว่ารู้เรื่องมากกว่าคุณ ก่อนไปก็ถามอาจารย์หมอไปแล้วว่าวีจิรู้เรื่องไหม อาจารย์หมอก็บอกว่าเด็กมันรู้เรื่องตั้งแต่อยู่ในท้องว่าเขาเป็นลูก เพียงแต่ว่าการที่เขาจะเก็บเมมโมรี่ได้ต้อง 6 เดือนไปแล้ว แต่ถามว่าเขารู้เรื่องไหม เขาจำกลิ่น จำความอบอุ่นของพ่อแม่ได้


เมื่อกี้บอกว่าไปเยี่ยมญาติที่ปารีสก็มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ไม่ใช่ว่ามีข่าวแล้วเราไป?
ติ๊ก : ไม่ได้หนีพี่ ชีวิตหนูทำไมจะต้องหนี หนีอะไรเราไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าหนีแล้วจะกลับมาทำไม

มาถามถึงวินาทีแรกที่พี่เห็นหน้าลูกสาว?
ศรราม : ตอนนั้นทำอีเว้นท์อยู่ที่เยอรมัน ตอนแรกตั้งใจจะให้เกิดวันเดียวกับแม่ 13 เมษายน แล้วกำหนดกลับของผมคือวันที่9 เมษายน แต่แอบคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าคาดว่าน่าจะคลอดก่อน ตอนนั้นวีดิโอคอลน้ำตาไหลเลย เห็นหน้าลูกครั้งแรกแล้วบอกว่า ทุกเดือนก็เฝ้าว่าอัลตร้าซาวด์เมื่อไหร่ จะเห็นหน้าเขาไหม เขาพลิกตัวหรือยัง พอเห็นเขาคลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรงผมก็ดีใจครับ

นอกจากดราม่าเรื่องคนอื่น บ้างทีเราทำอะไรก็มาเกาะกระแส แสดงความคิดเห็น?
ศรราม : ผมไม่ใช่คนไปท้าตี ท้าต่อย หรือว่าไปนั่งเถียงอะไรมากมาย อย่างที่ติ๊กบอกตั้งแต่ทีแรกว่าถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเราก็จะไม่ยุ่งกับเขา ก็ต้องบอกว่าเราทำงานมาอายุขนาดนี้เรามีบริษัทต่างๆ เราก็มีที่ปรึกษาทางกฎหมายอยู่แล้วที่จะคอยเก็บหลักฐานข้อมูลที่ออกมาทำให้ครอบครัวเสื่อมเสีย ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางกฎหมาย แต่ในส่วนความรู้สึกของเรา เรารู้สึกว่าไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เก็บมา เพราะเราไม่ให้ความสำคัญกับเขา

แล้วตัวติ๊กเองรู้สึกยังไงบ้าง พอมีข่าวโดนพูดถึง คิดจะจัดการไหม?
ติ๊ก : อยากไปเคาะประตูถามว่ามึงมีอะไรกับกูไหม ล้อเล่นๆคือแรกๆ มีความรู้สึกพรั่งพรูอยากเอาคืนมาก คือแบบว่าเราไม่ผิด แต่ตั้งแต่รู้ว่าท้องวีจิก็บอกกับตัวเองว่าเราเป็นแม่คนแล้วนะ เราต้องใจเย็นลง แล้วพี่หนุ่มก็สอนด้วยว่าเราไม่ควรให้คุณค่ากับคนที่เขาไม่ให้ค่าเรา เราควรใจเย็น เราควรมีความสุขของเราได้ภายในบ้านเรา ซึ่งเราไม่ได้ทำอะไร เราคิดดี ทำดี ยืนอยู่บนเส้นทางที่ดี มักจะได้ดีเสมอ ก็เลยโอเคไม่เป็นไรก็ปล่อยๆ แต่บางวันก็จะมีว่าเห้ย ทำไมมาบ่อยๆ มาแล้ว มาอีก อยู่ในโลกมโน วนเวียนเหมือนผีมาหลอกทำไมไม่หายสักที


อยากทำให้หายไปไหม?
ติ๊ก : อยากเอาน้ำมนต์ไปสาด

เคยคิดกับพี่หนุ่มไหมว่าทำยังไงดี อยากใช้ชีวิตเงียบๆ บ้าง?
ติ๊ก : เราห้ามเขาไม่ได้หรอก ถ้าเขามีความสุขในสิ่งที่เขาจะทำแบบนั้น คือคนเราเรามีความสุขที่จะทำในเรื่องที่ดีๆ เรามีความสุขแบบนี้ ถ้าใครมีความสุขกับเรื่องที่ไม่ดี คิดไม่ดีกับคนอื่นใส่ร้ายคนอื่น เขามีความสุขตรงนั้นเราก็ห้ามเขาไม่ได้ ก็ปล่อย ทางเดนชีวิตของเราของเขาอาจจะไม่เหมือนกัน