พีช พขร ฟิตหุ่นลดน้ำหนัก 20 โล ลงโปรเจกต์ใหม่ ดีใจครอบครัวพร้อมหน้ารับปริญญาพี่สาว

0
730

 

ผอมลงจนหลายคนทัก สำหรับหนุ่มพีช พชร โดยงานนี้เจ้าตัวเปิดเผยว่ากำลังมีโปรเจกต์ใหม่แต่ยังบอกไม่ได้ว่าคืออะไร ทำให้ตนต้องฟิตหุ่น ดุแลในเรื่องของอาหารการกิน และการออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักลดลงไปกว่า 20 กิโลกรัม พร้อมเปิดใจหลังมีภาพร่วมเฟรมของคุณพ่อ คุณแม่ ในงานรับปริญญาพี่สาว ซึ่งหลายคนจับตาและลุ้นว่าอาจจะมีโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวได้เหมือนเดิมหรือเปล่า

ช่วงนี้ดูผอมลงเยอะเลย?
“จริงๆ มีโปรเจกต์ที่จะทำ เลยลดน้ำหนักเพื่อเล่นบทที่ต้องรับผิดชอบ ลงไปเกือบ 20 กิโลฯภายในระยะเวลา 4-5 เดือนครับ จาก 80 ตอนนี้เหลือประมาณ 60 กิโลฯ ก็ดูแลอาหาร เปลี่ยนวิธีการกิน ออกกำลังกายเยอะขึ้น วิ่งครับ ส่วนเทคนิคลดน้ำหนักผมอ่านจากหนังสือ แล้วก็มีคนดูแลในเรื่องของอาหาร เรื่องการออกกำลังกาย แล้วเราก็อ่านเพิ่มด้วย ก็คิดว่าจะลงอีกสักนิดหนึ่ง ถามว่าตั้งเป้าน้ำหนักไว้เท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าดูแล้วเรารู้สึกอย่างไร”

โอเคกับน้ำหนักตอนนี้หรือยัง?
“ผมว่ายังได้อีกอยู่ที่ว่าเราจะดีไซน์ออกมายังไง พูดเป็นตัวเลขน้ำหนักยากว่าเราอยากจะ คาแรกเตอร์ตัวละครของเราไปอยู่ที่ไหน ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ที่เราเห็นมากกว่า”

ซิกแพคมาไหม?
“ไม่ได้เน้นตรงนั้นครับ เน้นว่าตัวละครเป็นแบบสกินนี่ไปเลย”

บทเป็นยังไง?
“บอกไม่ได้จริงๆ เขาไม่ให้บอก”

ต้องผอมซูบหรือผอมเฉยๆ ?
“จริงๆ ก็ผอมแหละ แต่เราอยากดีไซน์เลเยอร์ ให้มีการเปลี่ยนแปลงของตัวละครด้วย”

ต้องมีการถอดเสื้อให้เห็น?
“ใช่ ก็น่าจะมีครับ”

พอลดน้ำหนักเยอะมีผลต่อร่างกายเราไหม?
“ช่วงแรกๆ ก็เหนื่อยเพราะการกินเปลี่ยนไป ตอนเย็นแทนที่เราจะกินเยอะ ก็กินน้อยลงอาหารก็ย่อยเร็วขึ้น”

ผู้กำกับบอกให้ลดหรือเราอยากจะเป็นคาแรกเตอร์นั่นเอง?
“เราอ่านบทแล้วดีไซน์เองว่าเราอยากเห็นเป็นแบบนี้ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนอะไรเลยมันน่าเบื่อ คนดูก็จะรู้สึกเหมือนเดิม นักแสดงก็อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน อย่างน้อยผมรู้สึกว่าเราต้องเปลี่ยนวิธีการเล่น เปลี่ยนรูปลักษณ์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ”

ทุกครั้งที่เล่นละครเราเป็นคนดีไซน์?
“ใช่ครับ คุยกันว่าผมมองแบบนี้นะ ทีมงานมองยัง คิดยังไง เหมือนต้องมีอินพุต(input)จากเราด้วยจากการทำงาน เพราะเป็นการทำงานร่วมกัน เราก็ต้องบอกว่าเราเห็นแบบนี้ พี่คิดว่ายังไง เยอะไปหรือเปล่า”

ศึกษาเทคนิคจากไหน จากนักแสดงฮอลลีวูดหรือเปล่า?
“ไม่หรอกครับ ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้เล่นเป็นตัวเอง มันจะไม่มีคนที่เป็นแบบนี้ตลอดเวลา ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ้าง”

เราผอมได้ อ้วนได้ รีเควสได้?
“มันก็ดีนะ มันทำให้ เราเองก็สนุกเหมือนเราได้ทำงาน ก่อนถ่ายจะรู้สึกว่าฉันจะต้องทำแบบนี้เพราะฉันจะต้องเป็นคนนี้ เหมือนเราได้หนีความเป็นตัวเองออกมาได้ ได้รู้สึกว่าแต่ก่อนเราไม่เป็นแบบนี้เลย แต่เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นแบบนี้ ลักษณะการขยับตัวเรารู้สึกเปลี่ยน เสื้อผ้าเปลี่ยนเพราะต้องเปลี่ยนไซส์ เวลามองความรู้สึกเราก็เปลี่ยนไป”

เป็นความอินกับคาแรกเตอร์ ของเราด้วยหรือเปล่า?
“ไม่ครับ ผมว่าในแง่ของอาชีพมันเป็นเรื่องที่เราควรจะจริงจัง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มันมีผล เช่น คนอ้วนการขยับตัวของเขาก็จะต่างจากคนผอม ถ้าเราไม่เป็นคนอ้วนเราจะไม่เก็ทอะไรแบบนี้”

ถ้าสมมุติว่ามีบทให้ต้องอ้วนเราก็ยินดีที่จะอ้วนได้?
“ทำได้ เพราะมันคืออาชีพเรา เราต้องรับผิดชอบมัน”

ระส่งผลเสียต่อสุขภาพเราไหม ระบบภายในของเรา เพราะมันดีดขึ้นดีดลง?
“มีวิธีการครับ เราไม่ได้ลดด้วยอดอาหารไปเลย ไม่กินข้าวเลย ล้วงคออ้วกอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ วิธีที่เป็นวิทยาศาสตร์ทางการอาหาร”

เหมือนเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้งานของเราออกมาดีที่สุด?
“มันไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะทำเหรอครับ เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรจะต้องทำ ไม่ควรจะเป็นอะไรที่เล่นส่งเดช”

พอเราเต็มที่แบบนี้ เห็นความพยายามของเราแล้วผู้จัดเขาว่ายังไงบ้าง?
“ผมว่ามันยังไปได้อีก ยังไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันดี เพราะมันยังไม่ได้เริ่มทำการถ่ายทำ เป็นแค่ช่วงแรกยังวัดอะไรไม่ได้”

แต่เขาก็ไม่ติดกับการดีไซน์รูปร่างเรา?
“มันก็ไม่ควรจะติดเพราะเป็นงานที่เราทำงานเป็นทีม เราก็ช่วยเขาคิด เราก็ช่วยลดภาระความเหนื่อยของคนที่ทำงานด้วย น่าจะเริ่มถ่ายทำเดือนมีนาคม หรือเมษายน ส่วนจะเป็นละครหรือหนังเขายังไม่ให้บอกครับ(ยิ้ม)”

หลังจบโปรเจกต์แล้วพีชจะกลับมาหุ่นเดิม หรือว่าคงหุ่นเท่านี้ไปเลย?
“ก็ต้องดูว่าเรามีอะไรต่อ เราก็เปลี่ยนไปตามที่ว่าเราจะเป็นอันนี้ๆ ต่อนะ ก็ค่อยขยับๆ ตามนั้น”


เพิ่งบินไปรับปริญญาพี่สาว?
“ดีครับ อย่างน้อยถือว่าได้ไปเที่ยว แต่ว่าได้ไปน้อยมากเลยแค่ 5 วันเอง ส่วนที่มีภาพคุณพ่อคุณแม่ร่วมเฟรม เขาก็ไปยินดีก็ครอบครัวเรา ไปกันครบหมดทุกคน เนื่องจากแต่ละคนไม่มีใครว่างตรงกันเลย ทุกคนก็เลยแยกร่างกันไป แล้วไปเจอกันที่โน่น น้องสาวอยู่ที่โน่นอยู่แล้ว ส่วนผมบินไปพร้อมพี่สาวและพ่อเพราะว่างตรงกัน แต่คุณแม่มีประชุม ก็เลยบินตามไปอีกวันนึง แต่ก็เจอกันทุกวัน”

หลายๆคนเห็นภาพครอบครัวแล้วก็สบายใจไปด้วย ดีใจที่เห็นภาพนั้น?
“ก็ดีครับ มันก็เป็นเรื่องดีๆ”
ส่วนตัวพีชลุ้นอยากให้กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมไหม?
“พอมันเป็นครอบครัวแน่นอนว่าเราคิดอยู่แล้ว แต่บนพื้นฐานความจริงก็ต้องรอเขาคุยกันอีกทีว่ามันเป็นอย่างไร เพราะมันไม่ใช่การตัดสินใจของเรา”

มีแนวโน้มหรือมีทิศทางไปในทางที่ดีไหม?
“เราไม่ได้ถามเรื่องนี้ครับ เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ก็อยู่ด้วยกัน และแฮปปี้ด้วยกันมากกว่าที่เราจะมานั่งว่าจะทำอะไรต่อ สำคัญคือถ้าโมนเมนต์มันมีน้อยก็อยู่ในโมเมนต์นั้นกับมัน บรรยากาศก็แฮปปี้ดี มีความสุข แล้วก็เดินเล่นกันครับ คุณพ่อคุณแม่เขาก็ยังกินข้าวด้วยกันได้ เขาก็ยังนั่งกินข้าวด้วยกัน ก็คนเคยเป็นครอบครัวกันมาไม่รู้จะเกลียดกันทำไม”

คุณแม่ถูกจับตามองเยอะมาก แต่งตัวแซบมาก?
“คุณแม่ผมถือว่าแน่นมาก(หัวเราะ) ผมถึงกับเครียดเพราะแม่ผมเต็มมากเลย เขาจริงจังในการแต่งตัว ผมไม่เบรกความสวยของเขา ดีแล้วที่เขามีความสุข เพราะถ้าเขาดูดีก็จะแฮปปี้ มีวันนึงแม่ผมถามว่าจะแต่งตัวเหมือนฤดูใบไม้ผลิใช่ไหม คือจะแต่งตัวบางแบบนี้จริงๆ เหรอ ผมก็เลยบอกว่าแน่นอน เพราะคิดมาแล้วว่ารับปริญญาเราต้องเรียบร้อย ต้องทนหนาว (เป็นแม่ลูกสายแฟชั่น?) ใช่ครับ แม่ผมจะถามตลอดเวลาว่ากลับไปเอาเสื้อกันหนาวไหม ผมก็เลยบอกไม่เป็นไร เราต้องจริงจัง”