“นน ธนนท์” ยันไม่รู้ล่วงหน้าคนสมัครเกณฑ์ทหารเต็ม พร้อมอัปเดทอาการบาดเจ็บแขน

0
587
ทำเอาแฟนๆ แอบตกใจหลังหนุ่มนนท์ ธนนม์ ตัดสินใจสละสิทธิ์ผ่อนผันลุ้นจับใบดำใบแดง เข้ารับการเกณฑ์ทหารในปีนี้ แต่ผลปรากฏว่ามีคนสมัครเข้ารับเกณฑ์ทหารเต็มแล้ว ทำให้หนุ่มนนท์ไม่ต้องลุ้นจับใบดำใบแดง โดยล่าสุดหนุ่มนนท์เองได้เปิดใจเล่าถึงบรรยากาศในวันดังกล่าว พร้อมอัพเดทอาการบาดเจ็บที่แขนหลังชื่นล้มที่บ้านจนแขกหัก

พูดถึงรางวัลวันนี้หน่อย?
“รางวัลศิลปินชายยอดนิยมครับ เป็นรางวัลที่ 4 ของปีนี้ก็ต้องขอบคุณครับ เพราะตัวผมเก่งคนเดียวไม่ได้ เราต้องมีทีมงานที่ดี ที่สำคัญที่สุดรางวัลนี้เกิดจากการที่แฟนๆ โหวตกันเข้ามา ลำพังตัวผมมันเป็นแรงขับเคลื่อนเราอยู่แล้ว แล้วแน่นอนว่ามันจะขับเคลื่อนทีมงานข้างหลังด้วย แล้วก็ต้องขอบคุณ kazz awards ด้วยที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ขึ้นมาเป็นกำลังใจให้คนในวงการบันเทิงครับ”

เป็นรางวัลแรกหลังโควิด?
“ใช่ครับ หลังโควิด เงียบเหงาเหลือเกินช่วงนั้น”

รางวัลเต็มตู้แล้ว?
“สาธุครับ ยังเต็มได้อีกครับ คือยอมรับแหละบางทีเรามีชื่อเข้าชิงเราไม่ได้หวังหรอก แต่พอได้จริงๆ เราก็รู้สึกดีใจจริงๆ ครับ แต่ในแง่ของการผิดหวังเราไม่มีอยู่แล้วครับ แน่นอนว่าการเป็นนอมินี ผมเป็นบ่อยมากนะครับ จากเพลงเป็นหมื่นๆ เพลงแล้วเป็น 1 ใน 5 หรือ 10 ก็เป็นเกียรติที่สุดแล้ว”

มีรายชื่อเราติดทุกรางวัล?
“ก็ดีใจครับ ดีใจแทนทีมงานด้วย เพราะทีมงานผมทำงานกันแบบอดหลับอดนอน ตัวผมเองด้วยเช่นกัน เพราะกว่าจะได้สักเพลง แฟนคลับเวลาโหวตเขาก็อดหลับอดนอนกัน”

สำหรับเราคำว่านักร้องคุณภาพ?
“ค่อนข้างกดดันกับคำนี้ ซึ่งผมเป็นนักดนตรีทั่วไปเพราะตั้งแต่มาอยู่วงการบันเทิงเรารู้ว่าไลฟ์สไตล์เราไม่ใช่คนวงการบันเทิงเหมือนเพื่อน ในส่วนของผมก็แค่ตั้งใจในสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดครับ พยายามเทคแคร์ดูแลคนรอบข้างให้มันดีที่สุดครับ เรื่องงานตอนนี้ก็เริ่มทำในหลายๆ ส่วน ทั้งเพลงโฆษณา เพลงประกอบซีรีส์ เพลงประกอบละคร และในขณะเดียวกันเราทำเบื้องหลังด้วย เพราะต่อไปเราก็ต้องแก่ คลื่นลูกใหม่ก็ต้องมา ในส่วนของผมปีนี้ก็เพิ่งทำเพลงของตัวเองเสร็จไป แต่ก็ไม่แน่ใจว่าค่ายจะปล่อยช่วงไหนยังไงเหมือนกัน”

เกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว?
“เต็มครับ สำหรับผมแค่รู้สึกเรียนจบแล้ว คุณพ่อคุณแม่เดินทางไปกลับภูเก็ต-กรุงเทพบ่อยมากแล้วในขณะเดียวกันเราคิดว่าไม่ใช่วัยที่จะเดินทางแบบนี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจสละสิทธิ์ผ่อนผันแล้วก็หยิบเลย”

ตัดสินใจนานมั้ยที่จะสละสิทธิ์ผ่อนผัน?
“ที่คิดจะผ่อนผันอ่ะคิดนาน แต่คิดสละสิทธิ์อ่ะไม่นาน เพราะว่าหนึ่งเลยผมเรียนจบปีนี้แล้ว ผมไม่อยากให้พ่อแม่เดินทางไปกลับแล้ว ตัวผมเองก็อยากจะรู้ชัดเจนว่าชีวิตจะซ้ายหรือขวา แค่อยากรู้ว่าต้องใช้เวลาไปกับตรงไหนบ้าง”

ไม่ห่วงเรื่องงานในวงการ?
“ตอนนั้นเกิดโควิดด้วยแล้วทุกอย่างมันไม่แน่นอน แล้วเราเห็นว่าอาชีพเรามันไม่แน่นอนขนาดนั้น ผมเลยรู้สึกว่าเราจะทำอะไรก็ได้ พ่อกับแม่ก็เคารพการตัดสินใจของเรา เราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันเพราะไม่ค่อยบินเลือกที่จะขับรถเอง ซึ่งอุบัติเหตุเนี่ย 15 ชั่วโมง บางทีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแค่นาทีเดียว ก็เลยรู้สึกว่าจับเลยดีกว่าจะได้รู้ว่าชีวิตเราจะซ้ายหรือขวาแล้วก็จบสักที”

ช่วงระยะเวลาก่อนที่จะไปจับรู้สึกยังไงบ้าง?
“ผมไปตั้งแต่ตี 5 แล้วก็ตัดสินใจสละสิทธิ์เช้าๆ ก็ที่เหลือก็นั่งรอเจอเพื่อนๆ เต็มไปหมด คือผมมองว่ามันดีทั้งคู่แหละ เพราะเราก็ 24 แล้ว ถ้าเราจะเป็นหรือไม่เป็น 25-26 แล้ว 27 เราได้กลับมาทำงานต่อ”

อีกมุมคนมองว่าเรารู้ข่าวคราวล่วงหน้าหรือเปล่าว่าจะเต็ม?
“ไม่มีทางรู้ก่อนครับ แต่ส่วนนึงเลยที่ตัดสินใจคือไปปรึกษาเพื่อนๆ เขาสมัครกันเยอะ เราเลยรู้สึกว่างั้นเราลองหยิบเลยดีกว่า”

ตอนนั้นกังวลไหมเพราะระยะเวลาค่อนข้างนาน?
“นานครับ ประมาณ 15-16 ชม. หลังๆ เริ่มไม่กังวล มันเริ่มเหนื่อย เราค่อนข้างเพลีย”

พอเป็นแบบนี้เรากับครอบครัวรู้สึกยังไงบ้าง?
“ตัวผมก็โอเคนะครับ ไม่ได้ดีใจเวอร์ แค่เราได้รู้ว่ามาเป็นพลเมืองต่อ แล้วเราก็ได้รู้ว่าเต็มที่กับการขับเคลื่อนหลายๆ สิ่งให้มันไปข้างหน้า คือเราไม่ได้แปลว่าเราอยู่ตรงนี้แล้วทำอะไรไม่ได้”

แฟนคลับมีไปให้กำลังใจไหม?
“ก็มีครับ ผมก็บอกให้เขากลับไป (ยิ้ม)”

เขินไหมต้องถอดเสื้อ?
“เขินครับ ผมก็เลยบอกให้แฟนคลับกลับไป ผมตั้งแต่เด็กเราไม่ได้เป็นคนถอดเสื้อแบบนั้นอยู่แล้ว”

การที่คนเราตัดสินใจแบบนั้น ก็ค่อนข้างเสี่ยงเหมือนกัน?
“ผมไม่รู้ว่าผมจะอ้างอะไรแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะผ่อนผันทำไม เพราะผมเรียนจบแล้ว พ่อแม่ผมอายุเยอะแล้ว ผมรู้สึกว่าผมต้องการความชัดเจนในชีวิตของผมครับ”

เราเคลียร์งานบางส่วนรอไว้แล้วใช่ไหม ?
“ไม่ครับๆ คืองานไม่ได้เยอะอยู่แล้ว ทุกอย่างมันไม่แน่นอนไปหมดในช่วงโควิด บางทีมาขอคิวไว้เขาก็บอกว่าต้องดูสถานการณ์ก่อนนะ ขอล็อคคิวไว้ก่อน ทำให้เราเห็นแล้วว่างานของวงการเรามันไม่ได้มั่นคง”

เราคุยกับผู้ใหญ่ทางค่ายก่อนไหม?
“ไม่ครับ อันนี้เป็นทางครอบครัวผมครับ ผมรู้สึกว่าอันนี้เป็นการตัดสินใจของครอบครัวผมจริงๆ คุณพ่อเขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็แฮปปี้”

ครอบครัวเราตัดสินใจรวมกันใช่ไหม?
“เอาจริงๆผมตัดสินใจเองแหละ แล้วผมก็ไปบอกเขา แต่ไม่ได้บอกค่าย ผมบอกครอบครัว ในส่วนของค่ายเราก็ดูกันไปเรื่อยๆ”

ครอบครัวเรากังวลไหม?
“ผมไม่รู้เลย สำหรับผมคงไม่ตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ แต่ในแง่ของเขาคือตั้งแต่เด็กเลย เราทำอะไร คุณพ่อคุณแม่ซัพพอร์ตตลอด”

เราไม่กลัวว่าค่ายจะเตรียมโปรเจกต์ใหญ่ๆไว้เหรอ?
“ก็มีครับ เพียงแต่อย่างที่เราเห็นครับ บวกกับเราดูข่าว เราไม่รู้มันจะดีขึ้นตอนไหน ประเทศไทยโชคดีที่ผู้ป่วยน้อย ผมเองก็รู้สึกว่าถ้าเป็นทหารตอนนี้ก็ดีกิ ผมกลับมาผมยังมีแรงจะร้องเพลงได้ แต่ถ้าผมยืดไปอีก ผมอาจจะกลับมาแล้วผมอาจจะแก่แล้ว ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ก็ยาวๆครับ ในส่วนของเพลงผมก็ทุ่มเท”

 

ขอถามเรื่องมือที่เจ็บหน่อย?
“ล้มแบบโง่ๆเลย (หัวเราะ) ช่วงโควิดเราก็ทำบ้าน ว่าตรงไหนมีปัญหา ตรงไหนใช้จริง เราก็ไม่รู้นึกยังไง อยากรู้ว่าพื้นแข็งหรือไม่แข็ง ดวงไปลื่นพอดี แต่ด้วยประสบการณ์เราก็ประคองแขนอย่างดี พอไปถึงโรงพยาบาลก็บอกหมอว่าตรงไหนหัก ตรงไหนเคล็ด หมอยังถามเลยรู้ได้ยังไง ฟิล์มยังไม่ออกเลย ในขณะเดียวกันผมก็ยังต้องพยายามดูแลตัวเอง ก็ค่อนข้างฟื้นตัวได้เร็วกว่ากำหนด ก็กลับมาใช้ได้ปกติแล้ว เพราะมีทีมงานรออยู่ด้วย ก็ต้องขอโทษทีมงานด้วยครับ”

ไม่มีเอฟเฟ็คอะไรกับชีวิตใช่ไหม?
“ไม่มีอะไรต้องหยุดครับ ผมรู้สึกว่าหน้าที่ผมคือร้องเพลง เราก็ร้องได้ และเราก็ไม่ได้ไปแคลเซิล ถ้ามีหนทางที่เราสามารถทำโชว์ของเราได้ต่อครับ”