หนิง ปณิตา เผย กระแต พับทริปมัลดีฟส์หวั่นไวรัส โคโรน่า จ่อบินพา ริริน เที่ยวญี่ปุ่น ลั่นระวังข่าวปลอม

0
853
เรียกว่าทุกคนกำลังตื่นตัวกับข่าวกระแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าที่กำลังมีมากอยู่ในขระนี้ รวมไปถึงสาวหนิง ปณิตา ที่เจ้าตัวเองออกมาเปิดใจว่าระมัดระวังและติดตามข่าวสารอยู่ตลอด พร้อมบอกลุกสาวน้องริริน ถึงการป้องกันและดูแลตัวเอง แม้จะต้องเดินทางไปต่างประเทศตามแพลนที่วางเอาไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเพื่อนสาวคนสนิทอย่างกระ ศุภักษร เองก็ยกเลิกทริปมีลดีฟส์ที่วางเอาไว้ เพราะกังวลเกี่ยวกับไวรัสดังกล่าวเนื่องจากลูกๆ ยังเล็กด้วย

ไวรัสโคโรน่ามาแรงมากช่วงนี้ รับมือยังไง?
“ตอนนี้ก็พยายามติดตามข่าวสารเยอะๆ แล้วก็ในการตามข่าวสารเนี่ยต้องฝากบอกทุกคนด้วยว่าอย่าตื่นตระหนก ด้วยความที่ตอนนี้โซเชียลมันมีมากมันก็จะมีข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวมั่วบ้างบางทีก็ตัดข่าวที่เป็นภาพในหนังมาแล้วมาบอกว่าตอนนี้สถานการณ์ไปถึงขั้นคนออกมาดิ้น ออกมาชักกันอะไรแบบนี้ มันก็ทำให้คนหวาดระแวงไป คือพยายามดูข่าวที่เป็นข่าวจริงๆ ข่าวที่นักข่าวอ่านและวิเคราะห์ที่มีสาระ มีประโยชน์ แต่ถามว่านอยด์ไหม ก็นอยด์ ก็พยายามจะให้ลูกดูด้วยแล้วก็สอนว่าตอนนี้จะเอาอะไรเข้าปากก็ล้างมือนะ อย่าขยี้ตานะ เพราะเรารู้แล้วว่าเชื้อโรคพวกนี้มันติดตามเยื้อบุต่างๆอะไรอย่างนี้ ก็ต้องพยายามมีความรู้กับมันแล้วก็ถ้าออกมาเจอผู้คนเยอะๆก็พยายามใส่หน้ากากออกมาอะไรแบบนี้อะค่ะ แล้วจริงๆเนี่ยจะออกเดินทางไปต่างประเทศก็แอบหลอนๆสนามบินอยู่เหมือนกัน วันนี้ก็เตรียมหน้ากากเอาไว้ แล้วยังบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้อยู่สนามบินให้ใส่หน้ากากกันหน่อยเพราะว่าจริงๆตรงสนามบินก็จะน่ากลัวเหมือนกัน”

จะไปไหน?
“พรุ่งนี้จะพาน้องไปญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีคนติด 4 ราย แต่ใน 4 รายก็เห็นว่าเป็น 4 รายที่เขาควบคุมได้เหมือนอย่างประเทศไทยเราค่ะ”

แต่ว่าเราไม่กลัวใช่ไหม?
“ถามว่ากลัวไหม กลัว กลัวเลยแล้วก็จริงๆจะมีทริปอีกทริปหนึ่งกับคุณกระแต จะไปมัลดีฟส์ด้วยกัน คุณกระแตถึงขั้นแคนเซิลทริปเลยบอกว่าไม่ไป”

เพราะว่าลูกก็ยังเล็ก?
“ลูกยังเล็กอยู่ค่ะ”

แล้วน้องณิริณล่ะ น้องเข้าใจ พร้อมรับมือไหม?
“ถามว่าเข้าใจไหมก็ให้เขาดูข่าว แล้วก็ให้เขาเรียนรู้ไปกับเรา พอเวลาตอนเช้าๆหนิงพาลูกไปโรงเรียนบางทีเราก็จะเปิดข่าว แล้วถ้าข่าวอันไหนที่มันดูน่าสนใจเราก็จะเปิดเสียง เร่งเสียง ให้เขาได้ยิน แต่ถ้าข่าวไหนรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะรู้เราก็จะหรี่เสียงลงมา ปิดเสียงไปอะไรแบบนี้ค่ะ ให้เขารู้ไปว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง เขาก็จะได้ไปพูดคุยกับเพื่อนๆได้ว่าตอนนี้อันนี้มันน่ากลัวนะ แล้วมันไม่ใช่น่ากลัวแค่นี้ คือในเมืองไทยเองพวกโรคของเด็กๆพวก RSVเอย มือเท้าปาก มันก็ยังระบาดอยู่ ต่อให้มันควบคุมได้หรือรักษาได้ อย่าเป็นก็ดีกว่า จะทำยังไงถึงจะไม่เป็น ก็ต้องอย่าเอามือเข้าปาก กินอะไรก็ต้องกินของสะอาดๆนะอะไรแบบนี้คือสอนไปตามวัยของเขาอะค่ะ”

น้องตื่นตัวกับเรื่องนี้ยังไงบ้าง มีมาพูดคุยไหม?
“ยังๆ ยังไม่ได้พูดคุยแต่พอแม่แคะขี้ตา “แม่ห้ามแคะตาเดี๋ยวเชื้อโรคเข้าลูกตา” อะไรแบบนี้ค่ะ”

ก่อนหน้านี้เหมือนเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากให้น้องมีแฟน?
“จริงๆหนิงไม่ใช่ไม่ได้อยากให้มีแฟนคือเป็นพี่จินมากกว่าแหละ มันเหมือนเป็นการไปนั่งสัมภาษณ์แล้วก็มีคนมาถามว่าถ้ามีลูกแล้วโตขึ้นลูกเรามีแฟนจะโอเคไหม แต่เอาจริงๆเหอะ มันก็เป็นการพูดคุยกันเล่นๆว่าคนเป็นแม่ไม่มีใครอยากให้ลูกมีแฟนหรอก แต่เอาจริงๆวันเขาก็ยังเล็กอยู่มันยังไม่ถึงขั้นต้องไปคิดขนาดนั้นอะไรแบบนี้ค่ะ”

มีเด็กหนุ่มบ้างไหม?
“คือเด็กหนุ่มในโรงเรียนหรือว่าเด็กๆอะมันก็เป็นวัยของเขา ที่เป็นวัยแบบรู้จักแล้วอันนี้คือเพศหญิงอันนี้คือเพศชาย ฉันชอบเธอ เธอชอบฉัน แต่มันเป็นการชอบที่มันไม่ได้อย่างที่พวกเราๆคิดหรอกแต่ละวัยเขาก็จะมีพัฒนาการในกระบวนการคิดแตกต่างกันไปอะไรแบบนี้อะค่ะ คือเอาจริงๆมันก็ยังไม่ได้ไปซีเรียสขนาดแบบอู้ย! อีกนานค่ะ สักพักใหญ่ๆ”

เราสอนการรับมือยังไงบ้าง?
“คือในการสอนการรับมือเดี๋ยวนี้ก็คือตามความเป็นจริงแหละๆ เดี๋ยวนี้เขาเห็นสื่อเห็นอะไรเยอะแยะมากมาย เวลาเราพูดเราก็จะบอกว่าผู้หญิงผู้ชายเนี่ยเป็นเพื่อนกันได้แต่ว่าในวัยหนึ่งที่จะเป็นครอบครัวมันต้องเป็นวัยที่เราต้องเรียนหนังสือจบก่อน เรียนหนังสือจบ ทำงาน รับผิดชอบตัวเองได้อะไรแบบนี้ก็สอนไป แต่ว่าความเข้าใจเขาจะเข้าใจเหมือนเรามันไม่มีทางเข้าใจเหมือนเราหรอกแต่มันก็คือเวลาเขาถามมาเราต้องให้เหตุผลเขา ตอบเขา ไม่ให้เขารู้สึกว่าเวลาเขาถามเราแล้วเขาไม่ได้เหตุผลอะไรเลย คือพอถ้าเขาไม่ได้เหตุผลที่เขาอยากจะได้เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะคุยอะไรกับเรา คือเวลาเราเลี้ยงลูกเราก็ต้องพยายามจะคุยแล้วก็ตอบในคำถามของลูกให้ได้แต่ไอ้สิ่งที่ยากคือจะทำยังไงให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารอะไรแบบนี้อะค่ะ”