“กอล์ฟ เบญจพล” อวดหน้าใหม่ครบ70วัน เคลียร์ดราม่าบูลลี่ไม่จบ เผยลามปามไม่หยุดจ่อดำเนินคดี ไม่ยอมความ

0
661
ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยการศัลยกรรมหน้าใหม่ครั้งใหญ่ในชีวิต สำหรับหนุ่มกอล์ฟ เบญจพล ซึ่งงานนี้เจ้าตัวออกม่าเปิดใจหลังผ่านไปได้กว่า 70 วัน เผยยังไม่เข้าที่ ไม่โกรธหากคนวิจารณ์หรือบูลลี่ แต่อย่าเข้ามาในพื้นที่ของตน ถึงขั้นลามปามไปบูลลี่ผลิตภัณฑ์ที่ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์ เผยหากยังไม่หยุดจ่อดำเนินคดีให้เป็นเคสตัวอย่าง ลั่นไม่มีการยอมความใดๆ

ศัลยกรรมเปลี่ยนโฉม 2 เดือนแล้วเป็นยังไงบ้าง
“จมูกก็คงเล็กลง แต่ยังไม่เข้าที่ต้องรอดูว่า 6 เดือน แล้วเข้าที่ขนาดไหน ถ้ายังไม่สมใจอยากมาก เดี๋ยวปีหน้าว่ากันใหม่ ฉันเป็นซีรีส์ 2 (หัวเราะ) ประเด็นหลักคือเราตั้งใจแก้ให้เหมือนแม่เหมือนพ่อและพี่ชายอยู่แล้ว ถ้าทำแล้วยังไม่เหมือนก็ต้องแก้เป็นเรื่องธรรมชาติ พอลองมาศึกษาเขาบอกว่าคนทำศัลยกรรมครั้งแรกแล้วจะดีเลย มีน้อยคนมาก เราก็รอดูแล้วกัน แต่ก็หวังว่าจะดีขึ้นภายใน 6 เดือน ไม่ต้องทำใหม่ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเยอะแล้ว เพียงแต่ว่าทรงมันยังไม่ได้โอเค ตรงจมูกที่โตเป็นเนื้อหมด วิธีการแก้คือต้องเขียนเอาไขมันและพังผืดออก เราคิดว่าเป็นสเต็ปที่ต้องทำใจสูง เพราะแค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว ถ้า 6เดือนแล้วจมูกที่ทำรัดแกนๆด้แค่ไหน ถ้าสวยแล้วเราก็โอเค ไม่ทำเพิ่ม เพราะกลัวเจ็บตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่สวยอาจจะยอมเฉือนออก จมูกจะได้เล็กลง”

ทำแล้วเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ไหม
“ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้คาดหวัง เพราะเราไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าต้องประมาณไหน แต่หลังจากทำมาแล้ว น้องคนที่เคยทำมา เขาก็จะบอกว่าผมเราทำถูกต้องแล้ว ต้องค่อย ๆ ทำ เหลือไว้ให้แก้ได้ดีกว่า ถ้าทำไปครั้งแรกเลย อาจไม่เข้ากับหน้าก็ได้ แล้วค่อยมาดูอีกทีว่า 6 เดือน ลีนไปได้แค่ไหน ถ้ายังไม่ได้สมใจอยากจริง ๆ ก็ค่อยแก้เพิ่มเติม”

ได้คุยกับหมอหรือยังว่าต้องทำอย่างอื่นต่ออีกไหม
“หมอบอกว่า 6 เดือนคุยกันใหม่ ซึ่งเราก็เข้าใจได้ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เพราะทักกันมาเยอะมาก แต่ต้องบอกว่าการทำศัลยกรรมต้องใช้เวลาจริง ๆ เดี๋ยวรอดูอีก 6 เดือนค่อยมาว่ากันดีกว่า”

ที่เช็คล่าสุดหมอว่ายังไงบ้าง
“หลังจากแถลงข่าวไปเมื่อเดือนที่แล้ว แผลก็บวมน้อยลง เนื้อก็รัดแกนซิลิโคนจมูกมากขึ้น เพียงแต่ว่ายังสามารถรัดได้อีก ยังเกาะกันไม่สนิท คนเลยทักว่าตาตี่ แล้วเลยบอกพี่กอล์ฟผ่าตาอีกสิ ผมก็บอกว่าแค่นี้จะขาดใจอยู่แล้ว ใจเย็นๆครับเดี๋ยวตาจะเบิกโตขึ้น”

จากนี้ถ้าเกิดว่ายังไม่เข้าที่หมอบอกแนวทางไหมว่าต้องทำยังไง
“ถ้าต้องแก้ก็ต้องแก้ ไม่มีอะไรต้องซีเรียส เพียงแต่ว่าเราก็คงต้องรอให้ละครปิดก่อน ปีหน้าค่อยว่ากัน”

ถามตรงตรงว่าเรารู้สึกพอใจกับหน้าใหม่ไหม
“ผมโอเคแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพอ 6 เดือนแล้วจะเป็นยังไง ก็อยากรู้เหมือนกัน”

กระแสที่เข้ามาในแง่ลบทำให้เราเสียเซลฟ์ไหม
“ผมตอบไปแล้วว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนมารักเราได้ คนที่เขาไม่ชอบ ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี เราเอาเวลาไปทำให้คนที่เขาชอบเรามีความสุขดีกว่า แฟนคลับ รวมถึงเพื่อนฝูง ทุกคนก็จะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาให้เรา จากผู้ที่ไม่มีอะไรทำ ว่างมากแล้วก็ชอบบูลลี่คน ซึ่งเราไปห้ามเขาไม่ได้ เหมือนเป็นสิ่งที่เขาคุ้นชินไปแล้ว แต่อย่างที่ผมฝากบอกไป ถ้าเราอยากอยู่กับสังคมที่ชอบบูลลี่อย่างนี้จริง ๆ เหรอ เราอยากให้การบลูลี่ในสังคมไทยเป็นเหมือนกันข้ามทางม้าลาย ที่เหมือนกับว่าจะข้ามทางม้าลาย แต่ก็ข้ามไม่ได้ รถไม่จอด เราคงผิดเอง เราเดินมาข้ามในเวลาที่ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่หรือเปล่าเพราะจริง ๆแล้วการข้างทางม้าลายคือการทำถูกกฎหมายนะ ผมแค่ทักว่าเราอยากอยู่กับสังคมแบบนี้จริง ๆ เหรอ เรามาช่วยกันไหมครับ รณรงค์ให้การบลูลี่ค่อย ๆ หายไป เพราะถ้าจะให้หายไปเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่สามารถ เปลี่ยนความรู้สึกของทุกคนได้เพียงแต่ผมมาทักให้ฟังในวันนี้ เพราะผมไม่ใช่คนที่ถูกบลูลี่ และรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ผมมีภูมิคุ้มกันของตัวเองอยู่เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าเราได้ไปอ่านใน กูเกิ้ลหรืออะไรเยอะ ๆ จะรู้เลยว่าการบลูลี่คนก่อให้เกิดสิ่งต่างๆตามมา เป็นลูกโซ่ทำให้ก่อเกิดโรคซึมเศร้า ทำให้คนฆ่าตัวตาย คุณเป็นฆาตกรทางอ้อมนะครับคุณชอบเหรอแบบนั้น วันนี้ก็แค่มาทักเราน่าจะบอกคนที่เรารู้จัก หรือตัวเราเองถ้าเกิดว่าเราเคยบลูลี่ เราน่าจะลดแล้วก็เลิกดีไหม แต่พถามว่าว่าจะไปปวดหัว ไปโกรธของพวกนี้เอาอย่างนี้ดีกว่ามีคนมาว่าเราที่เราไม่เคยเขอ รู้ไหมเป็นใคร ก็ไม่รู้จักไงไม่รู้จักแล้วเราจะไปโกรธใครดีวะ”

เขาเข้ามาเมนต์ในทุกรูปที่เราโพสต์?
“ พี่มีแค่2เคสหลักๆเลยที่ขอคืออย่าเข้ามาในพื้นที่ของพี่ ในไอจี ในTIKTOK หรือ Facebook อย่าเข้ามาเมนต์ในพื้นที่ของพี่เพราะพี่มีพื้นที่นี้ไว้ให้กับแฟนคลับของพี่ได้มาพูดคุยกัน ได้มาสนุกสนานกัน พี่เป็นคนตอบเมนต์ตลอดนะ แต่ว่าไม่ได้ตอบทุกครั้ง ถ้าเกิดเป็นแฟนคลับพี่เองเขาจะรู้ เพราะถ้าว่างๆพี่ก็จะไปไถดูแล้วพี่ก็ตอบเวลาคุยกัน บังเอิญว่าจะมีพวกนี้เข้ามา เราก็รู้สึกว่ามันเสียอารมณ์แค่นั้นเอง อย่าเข้ามาในพื้นที่ของ ผมแต่ว่าคุณจะเข้าไปเม้นกันในพื้นที่ของคุณผมไม่รู้หรอกมันเป็นความสุขคุณก็ทำไป คืออย่าดิสเครดิตสินค้าที่ผมขายแค่นั้นเอง หลังๆมันเริ่มมีลามปามไง เนี่ยไอจีพี่กอล์ฟขายที่ปลูกผมแล้วพี่กับกอล์ฟไปศัลยกรรมปลูกผมมาสิ เราก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้วต้องคุยกันก่อน อย่าลามปาม เอาแค่กำลังดี เพราะเราไม่เคยไปปลูกผมอะไรมา เราถึงได้ออกมาทักว่าอย่าบูลลี่ และหยุดสนใจคนอื่นให้มันมากเกินไป สนใจตัวคุณก่อน ปัจจุบันนี้คุณเป็นคนดีหรือยัง คุณมีน้ำใจให้กับสังคมบ้างหรือยัง หรือถ้าเกิดคุณว่างมาก สมมุติว่าถ้าพี่เอาเวลาไปโกรธคนพวกนี้ พี่เอาเวลาไปซื้ออาหารแล้วก็ไปแจกสุนัขริมถนน มีความสุขกว่าไหม มีความสุขกว่า สุนัขก็อิ่มท้อง พี่รู้สึกว่าเราน่าจะเอาเวลาไปทำแบบนี้ให้มันมีประโยชน์มากขึ้น”

มีคนเข้ามาคุกคาม บูลลี่สินค้าที่เราเป็นพรีเซ็นเตอร์ในพื้นที่ของเรา เราจะแจ้งความไหม?
“เราเตือนไปแล้วรอบหนึ่ง ที่พี่พิมพ์ไปนี่คือพี่เตือนนะ พี่ไม่ได้วอนขอ เพียงแต่ว่าสื่อบางสื่ออาจจะไปบอกว่ากอล์ฟ เบญจพล วอนขอ หยุดบูลลี่ ไม่ใช่ เราใช้คำว่าหยุด หยุด หมายความว่าเตือน เตือนแล้ว เพราะถ้าหากว่ามาวุ่นวายกับสินค้าพี่อีก พี่ก็บอกแล้วว่ามันมี พรบ. คอมพิวเตอร์อยู่ ถ้าพี่จำไม่ผิดนะ มันปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน3ปีประมาณนี้ ซึ่งพี่จะบอกว่าถ้าหากว่าคุณลามปามจนเกินไป ก็คงจะต้องไปดำเนินคดีในส่วนตรงนั้น และก็ในส่วนของการดำเนินคดีของพี่ ถ้าหากว่าพี่จะเอาเรื่อง พี่บอกไว้เลยนะพี่จะเอาเรื่องให้มันเป็นเคสตัวอย่าง เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าใครแจ๊คพอตโดนพี่เอาเรื่อง ไม่มีการยอมความนะครับ ต่อให้คุณโดนแจ้งความแล้ว คุณมาบอกว่าพ่อป่วย แม่ไม่สบาย น้องกำลังเรียน แจ้งความหมดนะ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าใครอยากจะบูลลี่ผม และไม่อยู่ในขอบเขตคุณ เช็คในบัญชีก่อนว่ามี 200,000 บาทจ่ายหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มี แจ้งความจับติดคุกอย่างเดียวนะครับ เพราะว่าผมรู้สึกว่ามันต้องมีเคสตัวอย่างเกิดขึ้นในบ้านเราได้แล้ว”

ตอนนี้มีหรือยัง?
“ตอนนี้ยังอะลุ่มอะหล่วยอยู่”

มีเล็งไว้หรือยัง?
“มีครับ ผมบอกเลยนะครับว่าทุกคนที่เข้ามาบูลลี่ผม ผมประกาศไว้ก่อนเลยนะครับว่าเราได้แคปพวกคุณเก็บไว้หมดแล้ว คือคุณเห็นผมเงียบๆไม่ใช่ว่าผมไม่ทำอะไรนะ ผมแคปพวกคุณเก็บไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าวันไหนคุณจะแจ๊คพอตแค่นั้นเอง”

เสียเซลฟ์บ้างไหม?
“ ไม่เสียเสร็จแล้วพี่บอกเลยว่าพี่ไม่ได้สนใจและไม่สนใจจริงๆ เพียงแต่ว่าเราแค่มาพูดวันนี้เราเห็นว่าอย่างน้อยพี่เป็นคนหนึ่งที่พอจะเป็นกระบอกเสียงได้ อย่างน้อยสื่อก็น่าจะลงในสิ่งที่พี่พูดพี่ก็อยากจะมารณรงค์ว่ามันต้องให้การบุลลี่ในสังคมบ้านเราลดลงแล้วหายไปซะได้แล้ว มันไม่ได้เหมาะกับบ้านเราหรอกครับ สังคมไทยเราอยู่กันด้วยการมีน้ำใจกัน เอ็นดูกัน การช่วยเหลือกันในวันหนึ่งอยู่ๆการบูลลี่ในเมืองไทยมันเกิดขึ้นเยอะ เพราะว่าเราเล่นโซเชียลเยอะมากไปหรอเราก็เล่นโซเชียลแบบมีขอบเขตดีกว่า”

เอาจริงเราอยากให้จมูกเรามันเล็กลงกว่านี้?
“ อยากให้มันสวย แต่ไม่รู้ว่าคำว่าสวยมันจะออกมาเป็นอย่างไร นึกออกไหม มีอันนึงก็ฮานะ เพราะพี่อ่านอยู่ที่บอกว่าไม่ตรงปก พี่ก็นึกว่าเอ๊ะเราเคยมีปกอะไรไว้เหรอวะ ก็ไม่เคยบอกหนิว่าทำออกมาแล้วจะเหมือนอะไร เราแค่อยากให้มันดีขึ้นเท่านั้นเอง เพราะว่าไม่อยากศัลยกรรมเพราะอยากหล่อย้ำไปแล้ว ศัลยกรรมเพราะว่าบนใบหน้ามันมีสิ่งที่มีปัญหาแค่นั้นเอง เราก็อยากให้มันเข้าที่เข้าทางขึ้น”

ถ้าเราทำเพิ่ม กลัวคนจะมองว่สเสพติดศัลยกรรมไหม?
“ เสพติดพี่เคยบอกไปตั้งแต่วันแรกแล้วที่ออกมา พี่บอกว่าพี่กลัวนะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่กลัว เพียงแต่ว่าพี่ก็คุมตัวเองว่าพี่ต้องการอะไร ในจุดเริ่มต้นต้องการแก้จมูกต่างหาก เพื่อให้จมูกเล็กเหมือนคนที่บ้าน เราก็พยายามเตือนตัวเองอยู่ว่าแค่นี้ที่ต้องการ”

แต่ดูเหมือนวันนี้เราอยากแก้อีก?
“ ยอมรับว่ามันมีแว๊บหนึ่งเพราะเราไม่เคยทำและเราก็ไม่เคยไปคอนเซ้าท์เพื่อนฝูงหรือคุณหมอว่ามันต้อง6เดือน มันถึงจะเห็นภาพชัดเจนเพราะฉะนั้นแน่นอนพี่ก็ต้องมีพิมพ์เล่นของพี่ มันจะบวมอีกนานมั้ยวะ มันจะลงไหมนะ เราก็พิมพ์เล่นของเรา เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอีก6เดือนมันจะคืออะไร”

ณ ตอนนี้เราอยากทำอะไรเพิ่มอีกไหม?
“ไม่อยากแล้ว เพราะว่าหลักๆเลยที่บอกคือที่มันมีปัญหาบนใบหน้าเรา คือปากที่มันเป็นติ่ง มันก็หายไปแล้ว มันไม่เป็นติ่งแล้ว แล้วก็จะอย่างที่พี่บอกไปมันก็ต้องรอ มันตอบไม่ได้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าอีก6เดือนคืออะไร”

ณ วันนี้70 วันหน้าใหม่ มันมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในชีวิตไหม?
“ เหมือนเดิม พี่ใช้ชีวิตปกติมาก คนก็บอกว่าแล้วออกมาแถลงข่าวทำไมตั้งแต่วันแรกที่หน้าบวมๆ ก็อยากใช้ชีวิตปกติไงครับ อยากจะไปไหนมาไหนแล้วหน้าก็เป็นแบบนี้แค่นั้นเอง”