โรงพยาบาลเวชธานี คว้ารางวัลโรงพยาบาลต้นแบบด้านการบริการในยุคดิจิทัล จากไทยแลนด์ดิจิทัลอวอร์ด 2022 โดยดร.ชาคริต ศึกษากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลเวชธานี (CEO) ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า
“รู้สึกดีใจและภูมิใจครับที่ได้รับรางวัลนี้ ถือว่าเป็นรางวัลที่มีเกียรติและเป็นรางวัลแรกประจำปี 2566”
กว่าจะเป็นโรงพยาบาลเวชธานีที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ต้องผ่านอุปสรรคอะไรบ้าง?
“ตลอดระยะเวลา 28 ปี ย่างเข้าปีที่ 29 ที่เราเปิดให้บริการมา เราฝ่าฟันอุปสรรคมาค่อนข้างเยอะ อย่างเช่นในปีแรกที่โรงพยาบาลเปิดให้บริการ ก็เจอกับวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” พอดี ตอนนั้นเราขาดทุนและเป็นหนี้สินมหาศาล แต่เราก็สู้ไม่ถอย เราเดินหน้าพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลชั้นนำ และเปิดรับนวัตกรรมทางการแพทย์ต่าง ๆ จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ”
อะไรเป็นจุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าเลือกใช้บริการที่โรงพยาบาลเวชธานี?
“คิดว่าทุกคนที่มาโรงพยาบาล นอกเหนือจากผลการรักษาที่ดี หลายคนก็ยังคาดหวังในด้านการให้บริการ ซึ่งเรามีลูกค้าต่างชาติค่อนข้างเยอะ เราจึงหาวิธีที่จะทำให้เกิดความสะดวกสบายที่สุด ดังนั้นเราเลยมีเซอร์วิสและร้านค้าภายในโรงพยาบาลจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกชาติ นอกจากนี้จุดเด่นของเราคือเรารู้จักคนไข้เป็นอย่างดี เรียกว่ารู้จักเป็นรายบุคคล พนักงานของเราทุกคนจะถูกสอนให้จดจำลูกค้าให้ได้ และเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้าได้ทันที ไม่ต้องรอผู้บริหารสั่งการ เพราะฉะนั้นลูกค้าจะรู้สึกว่าได้รับการบริการที่ดีตอบโจทย์ความต้องการของเขา ”
ดิจิทัลมีความสำคัญกับธุรกิจโรงพยาบาลเวชธานีอย่างไร?
“เราให้ความสำคัญกับการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คมาก ๆ เราเป็นโรงพยาบาลแรก ๆที่มีการทำเว็บไซต์ ซึ่งเริ่มมาแล้วเกือบ 10 ปี และก็คิดว่าบุคลากรของเราเองมีความชำนาญในการที่จะสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางดิจิทัลแพลตฟอร์มทุกรูปแบบ และเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง มีลูกค้าจากทั่วโลกบินมาใช้บริการที่เรา ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำตรงนี้ด้วย”
เห็นว่ามีลูกค้าจากชาวตะวันออกกลางมาใช้บริการเยอะมาก มีเคล็ดลับในการดึงคนไข้กลุ่มนี้เข้ามาใช้บริการอย่างไร?
“คนไข้ของเราเดินทางมาจากทั่วโลก เพราะว่าเราสามารถรักษาโรคยาก ๆ ให้หายขาดได้ โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันออกกลาง เราเป็นที่รู้จักค่อนข้างมาก เพราะเราให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยหนัก และการใช้ Robotic ในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพก็เป็นเทรนด์ที่กำลังมาในต่างประเทศ เราเลยลงทุนซื้อหุ่นยนต์กายภาพบำบัดมาเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยให้กลับมามีชีวิตปกติได้เร็วขึ้น ทจากที่สมัยก่อนเราใช้นักกายภาพทำก็อาจจะมีความไม่สะดวกบ้าง เพราะนักกายภาพคนไทยตัวเล็ก อาจจะช่วยพยุงน้ำหนักลูกค้าชาวต่างชาติไม่สะดวก โดยหุ่นยนต์นั้นจะช่วยตอบโจทย์และก็ช่วยลดความเหนื่อยของเจ้าหน้าที่และก็ทำให้การปรับท่าทางการฟื้นฟูทำได้เร็วขึ้น”
ในอนาคต โรงพยาบาลมีแพลนที่จะขยายธุรกิจหรือไม่?
“เรามีแพลนที่จะเปิดโรงพยาบาลจิตเวช ตั้งอยู่ที่ถ.ติวานนท์ ระหว่างติวานนท์ 39และติวานนท์41 ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพราะเรามองว่าเรื่องสภาวะจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ แล้วคนในปัจจุบันมีความเครียดสูง คนรุ่นใหม่มองว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติ เลยพบว่า Demand ของการรักษาด้านจิตเวชค่อนข้างมาก ถ้าหากว่ามีความเครียด ก็สามารถให้จิตแพทย์ช่วยได้ และปัจจุบันการรักษาให้ผลดีมาก ยาใหม่ ๆ ก็ทำให้หายขาดได้ เพราะฉะนั้นเราก็มองว่าเป็นจุดหนึ่งที่เราสนใจจะทำโรงพยาบาลจิตเวช แล้วเราก็อยากทำให้มันครอบคลุม แต่ถ้าถามถึงว่าเราจะขยายสาขาของโรงพยาบาลเวชธานีหรือไม่ ณ ตอนนี้เราต้องการ concentrate เพียงโรงพยาบาลเดียว และสิ่งที่เราพยายามจะทำคือต้องการเก่งในเรื่องอื่น ๆ มากกว่านี้ ตอนนี้เราอาจจะเป็นที่รู้จักในเรื่องของกระดูก ชาวต่างชาติเรียกเราว่า “ King of Bones “ แต่เราก็อยากจะเก่งในเรื่องอื่นด้วยเพื่อที่จะได้ตอบโจทย์และสามารถทัดเทียมได้กับโรงเรียนแพทย์หรือโรงพยาบาลที่ชื่อเสียงในต่างประเทศ ตอนนี้มีหลายอย่างที่เราทำได้ดีนะครับ อย่างโรคมะเร็งเราก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพื่อการรักษา เช่น Cancer Vaccine และ Cancer Avatar ซึ่งหลายท่านอาจจะไม่รู้จัก แต่คิดว่านวัตกรรมจะเป็นการเพิ่มโอกาสและเพิ่มความหวังที่จะรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ อย่าง Cancer Avatar ก็คือเป็นการเอาชิ้นเนื้อมะเร็งมาทดสอบกับยาแต่ละชนิดว่าตอบสนองมากน้อยแค่ไหนก่อนที่จะให้ยากับคนไข้จริง ก็คือเอามาทำในห้องทดลองที่เราสามารถควบคุมได้ก่อนที่จะให้กับคนไข้ ซึ่งคนไข้จะไม่ต้องทรมานทดลองคีโมหลายสูตร เพราะถ้าไปทดลองกับคนจริง ๆ กว่าจะรู้ก็โดนไป 2-3 Cycle แล้วอาจไม่ตอบสนองกับยา ก็ต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่ เริ่มรอบใหม่ วิธีนี้ก็จะทำให้คนไข้ไม่ต้องทรมานกับการทดลองยา ”
ในฐานะ CEO ธุรกิจโรงพยาบาล อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้าง?
“ผมคิดว่าการดูแลรักษาสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ ด้วยเทคโนโลยีและวิธีการรักษาในปัจจุบัน ถ้าเราสามารถที่จะตรวจพบโรคหรือเชื้อโรคได้เร็ว เราก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้เกือบจะทุกโรค โดยเฉพาะประชากรในอนาคตก็จะมีอายุที่ยืนยาวขึ้นเพราะฉะนั้นการมีสุขภาพที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ
เราไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตจะมีโรคอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาอีก แต่ทีมแพทย์ของเรามีการปรับตัวและเตรียมตัวรับมือกับโรคใหม่ ๆ ตลอดเวลา และพยายามที่จะหาวิธีการที่ดีที่สุดที่จะรักษาคนไข้ให้กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด”
