ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก สำหรับหนุ่ม ศรราม สำหรับกรณีการเลิกรากับอดีตภรรยา ติ๊ก กนิษฐรินทร์ รวมไปถึงปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินที่เกิดขึ้น โดยหนุ่ม ศรราม ได้เปิดใจไม่คิดกีดกันติ๊ก ไม่ให้เจอลูก แต่ตอนนี้ตนยังไม่มีเวลาว่าง ซึ่งเรื่องนี้จะมีการพูดคุยตกลงกันไปต่อไป ส่วนโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมนั้นน่าจะเป็นไปได้ยาก
ถามถึงปัญหากับติ๊ก ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ต้องขออนุญาตเรียนแบบนี้นะครับ ว่ากับปัญหาที่เกิดในทุกๆ เรื่อง มันเป็นปัญหาที่หนัก และเป็นปัญหาที่มีผลกระทบกับชีวิตของผมกับลูก และแต่ละเรื่องมันเป็นเรื่องมันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ปรารถนาที่จะให้เกิดขึ้นในชีวิตของผมกับลูก ซึ่งผมก็ได้พยายามแก้ไข ประคับประคองทุกๆ เรื่องอย่างดีที่สุด จนสุดท้ายปัญหามันก็ไม่จบ ผลลัพธ์มันก็เลยต้องออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งปัญหาเกิดจากอะไร หรือทุกๆ เรื่องเกิดเพราะอะไร ผมเชื่อว่ามันมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว ผมเองก็ทุกข์นะครับ ไม่ได้มีความสุขในทุกๆ วัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่กำลังจะบอกความรู้สึกกับทุกๆ คนก็คือว่า เราต้องเอาเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาเป็นเหตุผลเพื่อรองรับการตัดสินใจ เราไม่สามารถเอาแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเรามาตัดสินใจกับเรื่องที่มันเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นต้องขออนุญาตสำหรับความคิดเห็น หรือกระแสสังคมอื่นๆ ต้องขออนุญาตละเว้นไว้จริงๆ เพราะเรื่องนี้เราต้องใช้ข้อเท็จจริงเป็นหลัก แล้วต้องมีวีจิเป็นตัวตั้ง คือวีจิต้องสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมจะต้องปฏิบัติในวันนี้ต้องเป็นผลดีที่สุด หรือกระทบกระเทือนความรู้สึกของลูกให้น้อยที่สุดทั้งในวันนี้ ในวันข้างหน้า และในอนาคตของลูกครับ”
การตัดสินใจของเราเองดูเด็ดเดี่ยวมาก มันคือฟางเส้นสุดท้ายแล้วใช่ไหม ?
“ผมเชื่อว่าเมื่อกี้ผมตอบครบถ้วนแล้วนะ แต่ในส่วนของคุณแม่เนี่ย ผมต้องขอเรียนให้ทราบว่า เรื่องของการที่ติ๊กจะมาพบลูก ผมไม่ได้กีดกันนะครับ แต่ผมไม่ว่างจริงๆ ชีวิตมันต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เริ่มต้นใหม่ ผมต้องทำงานใช้หนี้ ต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้ลูก และก็ยังต้องดูแลคุณแม่ที่แก่ลงทุกวัน ผมเลยมีความจำเป็นต้องให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายประสานกับติ๊กว่าเราจะมีแนวทางในการที่จะมาพบลูกอย่างไรครับ”
เป็นข้อตกลงระยะยาวเลยใช่ไหม ?
“ก็ต้องมาคุยกันครับ และตอนนี้ติ๊กก็ประสานกลับมาแล้ว และเดี๋ยวดูวันว่างที่ผมไม่ได้ทำงาน ก็คงจะได้มีโอกาสเจอกันและคุยกันว่าแนวทางไหนที่เราจะสามารถทำหน้าที่เป็นพ่อและแม่เพื่อให้วีจิได้ดีที่สุด”
ลูกยังคงสามารถเจอหน้าติ๊กได้ใช่ไหม ?
“เจอได้ครับ ไม่ได้กีดกัน”
เมื่อกี้ที่บอกต้องใช้หนี้ ใช้หนี้ในส่วนไหน ?
“ตรงนี้ผมขออนุญาตไม่ตอบดีกว่าครับ”
แฟนๆ หลายคนส่งกำลังใจให้เยอะมาก ?
ก็ขอบพระคุณครับสำหรับกำลังใจที่ให้ผม ให้ติ๊ก และก็ให้วีจิ ให้ครอบครัวเราทุกๆ คน ขอบพระคุณมากๆ ครับ”
จะมีโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมได้อีกไหม ?
“คงไม่ได้ครับ”
เราตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเลย ?
“ครับ ผมก็ได้แสดงเกี่ยวกับเรื่องของเอกสารที่ชัดเจนระบุไว้อยู่แล้วครับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.”
ให้อภัยเขากับสิ่งที่ทำผิดพลาดไปไหม ?
“ผมไม่พูดถึงอยู่แล้วครับ”
ตอนนี้เรื่องของครอบครัวให้ทนายเป็นคนจัดการอย่างเดียวเลยใช่ไหม ?
“ก็ให้เป็นคนประสานครับ อย่างที่ผมบอกว่าผมเองก็ไม่ว่าง ผมก็ถ่ายละครเกือบทุกวัน ทำงานเกือบทุกวัน”
การประสานในที่นี้หมายถึงการตกลงกันเรื่องลูกเฉยๆ ไม่ได้เป็นคดีความใช่ไหม ?
“ใช่ครับ แค่ประสานว่าลักษณะของการเจอลูก ผมว่างวันไหน ยังไง”
เราเลี้ยงดูน้องวีจิคนเดียว หรือหากวันไหนทำงานก็ให้น้องอยู่กับติ๊กได้ ?
“ตรงนี้มันยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ครับ เพียงแต่ว่าติ๊กประสานมาว่าเราระบุวันเวลาที่เราจะมาเจอกันได้แล้ว แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันว่าลักษณะที่เราจะดูลูกจะเป็นยังไง”
เท่ากับว่าตอนนี้ติ๊กคุยผ่านทนายอย่างเดียว ไม่ได้คุยตรงกับเราใช่ไหม ?
“มีคุยกับผมครับอย่างที่โพสต์ลงไอจีสตอรี่ไปแล้วว่าได้มีการคุยกับผม ก็บอกว่าเจอลูกได้ แต่ให้ติดต่อไปทางพี่ที่ให้ประสานมา”
ติ๊กได้เจอกับลูกแล้วหรือยัง ?
“ยังครับ ยังไม่ได้เจอเลย เพราะผมยังไม่มีเวลาเจอเลยครับ”
อย่างนี้ใช้คำว่าคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้ไหม เพราะในแฮชแท็กเราเขียนเองว่า #ซามูไรพ่อลูกอ่อน ?
“ก็… ใช้คำว่าซามูไรพ่อลูกอ่อนดีกว่าครับ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวน่าจะใช้กันเยอะแล้ว”
ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวในวัยที่เขากำลังโตยังไง ?
“อย่างที่เรียนไปในเบื้องต้นครับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดของเรา มันจะต้องเป็นสิ่งที่เอาเขาเป็นที่ตั้งสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราต้องปรับตามเขา เราต้องทำเพื่อเขา”
ช่วงนี้มีงานอะไรคือรับหมดเลยเหรอ ?
“ตอนนี้มันไม่ใช่รับหมดเลยครับ เพราะที่ถ่ายค้างอยู่มี 2 เรื่อง”
ไม่เหนื่อยเกินไปใช่ไหม ?
“ผมต้องเลี้ยงวีจิไปจนโตอ่ะ คือตั้งแต่รู้ว่ามีเขา เราก็มีสัญชาตญาณของความเป็นพ่ออยู่แล้ว”