ให้ดังไกลสู่เมนูระดับโลก ตอกย้ำแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2566 มุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและนักชิมทั่วโลก พร้อมเปิดเวที “Pad Kaphrao Thailand Championship” เฟ้นหาแชมป์ยอดฝีมือผัดกะเพราของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 25- 27 สิงหาคมนี้ ณ คลองผดุงกรุงเกษม (หัวลำโพง) กรุงเทพฯ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า อาหารไทย (F-Food)ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และมรดกทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชาติไทยที่แข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหนึ่งในเมนูที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างชัดเจนก็คือ “ผัดกะเพรา” อาหารจานด่วนที่เต็มไปด้วยคุณค่าจาก “กะเพรา” สมุนไพรไทยซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญ และเป็นเมนูที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ การจัดงาน “World Kaphrao Thailand Grand Prix 2023” ครั้งนี้ ททท. นำเสนอแนวคิด “The Greatest Kaphrao on Earth” สร้างปรากฏการณ์ยกระดับเมนูกะเพราให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับโลก โดยนำเสนอเรื่องราวและวัฒนธรรมของเมนูผัดกะเพราทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เพื่อเจาะกลุ่มตลาดศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้เชื่อมโยงสู่ระดับชุมชน โดย ททท. จัดกิจกรรมสุดพิเศษ “Pad KaphraoThailand Championship” แข่งผัดกะเพราเนื้อชิงแชมป์ประเทศไทย ภายใต้ธีม “Authentic & Beyond” เฟ้นหายอดฝีมือที่สามารถนำเสนอผัดกะเพราแท้ดั้งเดิมของไทยและผัดกะเพราใหม่ของโลก โดยคัดเลือกตัวแทนจาก 5 ภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร เพื่อมาแข่งขันในรอบสุดท้ายจำนวน 10 ทีม ภูมิภาคละ 2 ทีม ประกอบด้วย ตัวแทนภาคเหนือ ได้แก่ ทีมกะเพราตาหนวด และทีมครัวเนื้อหอม ตัวแทนภาคใต้ ได้แก่ ทีมคุณแฮมคุณหมิว และทีมร้านสะหวา ตัวแทนภาคกลาง ได้แก่ ทีมจิตสดชื่น และทีมสำเภานาวาตัวแทนภาคตะวันออก ได้แก่ ทีมครัวบินหลา และทีมกินกะเพรา ตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ทีม THE FRIENDSHIP NONGKHAIและทีมกะเพราซาวห้า และตัวแทนกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ทีม SODAAAAA และทีมร้านบ้านไทย (กัวลาลัมเปอร์) ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะต้องใช้วัตถุดิบในประเทศ และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50รวมทั้งผู้เข้าแข่งขันจะต้องแสดงฝีมือการตกแต่งจานอาหารที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมตั้งชื่อเมนูอาหารให้สอดคล้องกับเมนูที่รังสรรค์ขึ้นได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบโดยผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 14 รางวัล รวมกว่า 1 ล้านบาท
ภายในงานมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ได้แก่ Pad Kaphrao Thailand Championship: การแข่งผัดกะเพราเนื้อชิงแชมป์ประเทศไทย / International Kaphrao Taste:
การออกร้านจาก 12 ร้านกะเพรานานาชาติจากสุดยอดเชฟอาหารไทย อาทิ DINO VHAM…Corn Dog คอนด็อกกะเพราWH café คาเฟ่ที่นำเสนอเมนูสปาเกตตี้กะเพรา, Zebraz ร้านเม็กซิกันกับเมนูเคซซาดีญ่ากะเพราเบคอน,
เบอร์เกอร์รูกับเมนูเบอร์เกอร์กะเพรา, JB’s Bakery Snow Bun พบกับเมนูสโนว์บันกะเพราไก่/ Bangkok Street Food: เอาใจเหล่า Foodies นักชิม ยกทัพเมนูยอดนิยมจากร้านสตรีทฟู้ดในตำนานมาถึง 15 ร้าน ได้แก่ หมึกย่างแดนมังกร, ซี่โครงบาร์บีคิว HUNGRYMONKEY, ป้าติ๋มขนมถังแตก ศิริราช, แม่กีราชวัตร สาคูไส้หมู (เจ้าดั้งเดิม), บัวลอยคลองสาน, เฮงหอยทอดชาวเล, คั่วไก่ไอ้เครา, บุ๊ง บุ๊ง บะหมี่ฮ่องเต้ ข้าวมันไก่โกลีฮาลาล, เอ๊กซ์ไก่ย่างบางตาล (ลูกผู้ใหญ่วร), หงกี่ (ก๋วยเตี๋ยวหลอดสูตรฮ่องกง), ตี่โภชนา…บะหมี่เป็ดย่าง, ผัดไทยอาเเปะ, เอี๊ยบเท่งอิ๋ว…น้ำเเข็งไสไต้หวัน, ชา Shake และจับเลี้ยงวังหลัง / Kaphrao & Friends Market: ชวนช้อปวัตถุดิบ ผักสด เนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงอาหารภายในตลาดเพื่อนกะเพราและตลาดสดออร์แกนิก / Kaphrao Garden: ชมนิทรรศการให้ความรู้สวนกะเพราและพืชสมุนไพรไทย / Klong Light-up: เพลิดเพลินเจริญตาไปกับคลองผดุงกรุงเกษมเวอร์ชั่น ‘เรืองผดุงกรุงเกษม’ ที่ตกแต่งด้วยไฟประดับ แสง สี สวยงามตระการตา พร้อมด้วย Landmark ยักษ์กะเพรา หุ่นโคมไฟตั้งบนฐานไม้ และ Kaphrao on Stage: ปิดท้ายด้วยกิจกรรมความบันเทิงและการแสดงจากศิลปินมากมายตลอดทั้งงานได้แก่ วันที่ 25 สิงหาคม 2566 พบกับนักแสดง ติวเตอร์–กรภัทร์ ลำน้อยและ ยิม–ปริญญากรณ์ ขันสวะ, วันที่ 26 สิงหาคม 2566 พบกับการแสดงจาก คริสต้า ชิม The Voice และ โต๋ – ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และ วันที่ 27 สิงหาคม 2566 พบกับ การแสดงจากศิลปินวง Nap a Lean และ วง Paradox
ทั้งนี้ ททท. คาดการณ์ว่า ตลอดระยะเวลาจัดงาน 3 วัน จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและนักชิมอาหารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่น้อยกว่า 15,000 คน สร้างกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท
แฟนพันธุ์แท้ผัดกะเพราตัวจริงห้ามพลาด ! กับ “World KaphraoThailand Grand Prix 2023” ระหว่างวันที่ 25 – 27 สิงหาคมนี้ ณ คลองผดุงกรุงเกษม (หัวลำโพง) กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 15.00 – 22.00 น. เข้าชมงานได้ฟรี และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟชบุ๊คแฟนเพจ“streetfoodlegend”