“ออฟ จุมพล” ยอมรับผิดพลั้งปากบูลลี่หน้าตาผู้หญิง ขอโทษปากไว ลั่นได้รับบทเรียน

0
1044

 


เป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีคนขุดคลิปไลฟ์สดเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วของหนุ่มออฟ จุมพล เหยียดหน้าตาผู้หญิง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ล่าสุดทางหนุ่มออฟ ได่ออกมาขอโทษและยอมรับเป็นคนปากไว พูดไปไม่ทันคิด ถือเป็นบทเรียนชีวิต ที่ทำให้ตนระมัดระวังตัวมากขึ้น

เจออะไรมาบ้าง?
“เยอะมากหลายเรื่องเลย พูดถึงคลิปที่เปิดเผยออกมาเป็นคลิปที่ไลฟ์กับกันประมาณ4-5ปีที่แล้ว วันนั้นหลังจากที่เขาได้มาดูย้อนหลังประมาณอาทิตย์หนึ่ง ทางค่ายก็เรียกผมไปตักเตือนเรียบร้อยแล้ว วันนี้ถ้าทำให้ใครรู้สึกไม่ดี รู้สึกแย่กับคำพูดนั้นผมก็ขอโทษด้วยครับ เพราะบางทีผมก็เป็นคนปากแบบนี้ปากไม่ค่อยดี ชอบแซวคนโน้นคนนี้ แต่จริงๆเราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆหรอก แต่ด้วยความสนุกปากของเรา เราเลยพูดแบบนั้นออกไปก็ขอโทษด้วยครับ”

ณ ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีผลถึงปัจจุบันแบบนี้?
“ใช่ครับ ด้วยความสนุก และเรื่องราวมันก็เกิดมา 4-5 ปีแล้ว เราก็ไม่ว่าใครจะเอาขึ้นมาอีก เพราะเราก็โดนตักเตือนไปแล้ว”

พอมีคนมาว่าเรารู้สึกอย่างไรบ้างได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์ไหม?
“จริงๆแล้วก็สมควรโดน เพราะว่ามันก็เป็นสิ่งที่เราทำจริงๆ เราก็ต้องยอมรับเราก็ต้องออกมาขอโทษและทำในสิ่งที่ดีขึ้น ต้องปรับตัวเองให้มากขึ้น”

รู้สึกอย่างไรที่เรื่องราวผ่านมา4-5ปีแล้วแต่ถูกกลับเอามาพูดถึงอีก?
“ของมันมีหลักฐาน เราเคยทำเราก็ต้องยอมรับว่าเราเคยทำจริงๆถ้าสมมุติว่าเราปฏิเสธว่าไม่เคยทำ หรือทำเพราะอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายแล้วตอนนั้นเราคิดทำอย่างนั้นจริงๆ และทำไปแล้ว ก็ต้องออกมายอมรับว่าทำไปแล้ว ก็ต้องขอโทษในสิ่งที่เราทำและมันผิดพลาดผิดพลาด”

หลายคนมองว่าตอนนั้นเราตั้งใจพูดคำนั้นเพื่อให้รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?
“ไม่ครับ เพื่อความสนุกมากกว่า เราชอบแซวกับเพื่อนอยู่แล้ว เราไม่ได้คิดไปถึงว่าคนฟังถ้าเขาได้ยินจริงๆแล้วจะรู้สึกอย่างไร แต่พอเราโตขึ้นแล้วตอนนี้เราอายุ 29 แล้วเราก็ต้องคิดอะไรให้มากขึ้นต้องระมัดระวังคำพูดมากขึ้น”

พอได้ย้อนกับมาดูคลิปแล้วได้เห็นที่เราพูดออกไปเรารู้สึกอย่างไร?
“เราก็รู้สึกแย่อยู่ดี ว่าเฮ้ย..เราพูดคำนั้นออกสื่อเลยเหรอวะ ตอนนั้นมันเป็นไลฟ์แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าในอนาคตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างและพอเราตอนนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราทำไม่ดีในวันนั้น มันมีผลกระทบอะไรกับเราในวันนี้เราก็เลือกที่จะไม่ทำเพื่อให้ในอนาคตเราไม่ต้องมารู้สึกแย่กับอะไร”

ทำให้เราเปลี่ยนระมัดระวังในการใช้คำพูดมากขึ้นไหม?
“ถ้าเปลี่ยนไหม คงเปลี่ยนไม่ได้มากแต่ระมัดระวังไหมคงระมัดระวังมากขึ้น คิดก่อนพูด”

ได้คุยกับคนอื่นที่โดนขุดเหมือนเราไหม?
“คุยครับ ก็บอกทุกคนเลยว่ายอมรับไปเพราะว่าเราเป็นคนทำจริงๆ และถ้าเราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้แล้วเราก็แค่ออกมาขอโทษเพราะว่า สนุกปากมันสนุกได้แต่คิดถึงผลในอนาคตด้วยว่าทำแล้วในอนาคตมันจะมีอะไรหรือเปล่า”

ตอนนนี้อาจจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่ดีกับเราไปแล้ว?
“คำพูดมันแก้ไขไม่ได้ครับ มันพูดไปแล้ว ก็สัญญากับตัวเองไว้ครับว่าในอนาคตจะระวังตัวเองมากขึ้น ถ้าใครรู้สึกไม่ดีเขาไม่ผิดเลยครับที่จะรู้สึกไม่ดีกับผม ก็ให้โอกาสหรือไม่ให้โอกาสก็ได้อันนี้มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะตัดสินผมอีกทีหนึ่ง แต่เราก็แค่รู้ตัวเองว่า เราควรปฏิบัติตัวเองอย่างไรต่อไปแค่นั้น เอาแค่รู้ว่าข้างในตัวเองดีขึ้นไม่ต้องสนใจคนอื่นก็ได้ครับ แต่สิ่งที่ทำไปแล้วแล้วคนอื่นมาว่าเรา เราก็ต้องยอมรับมัน”

กลับชาวเน็ตที่ว่าเราและโยงไปโยงมาเรื่องนั้นเรื่องนี้ล่ะ มันบั่นทอนเราไหมหรือเลือกมองข้ามไป?
“ตอนแรกมองข้ามแต่หลังๆเริ่มนิดหนึ่งแล้วเริ่มรู้สึกว่าเมื่อก่อนเราก็ทำไม่ดีเยอะนี่หว่า ก็อย่าไปท้อใจเลย เลือกทำตัวเองให้ดีขึ้นและอยู่กับสังคมที่เป็นอยู่ให้ได้ ผมว่าอย่างนั้นดีที่สุด”

เรื่องนี้สอนอะไรเราบ้าง?
“สอนหลายอย่างเลยครับ ผมเป็นคนปากไม่ดีอยู่แล้ว ปากไว สอนเราหลายๆอย่างว่าการจะพูดอะไรต้องคำนึงถึงคนอื่น คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา ไม่จำเป็นจริงๆอย่าพูดอะไรไม่ดีออกไปดีกว่า ทำจิตใจตัวเองให้ดีดีแค่นั้นดีที่สุด”

โดยปกติเป็นคนเหยียดอะไรแบบนี้หรือเปล่า?
“ไม่เหยียดใครเลยครับ ผมเป็นคนให้เกียรติคนด้วยซ้ำ แต่ผมเป็นคนปากไวและสนุกกับการพูดกับเพื่อนๆ ผมสนิทใครก็จะปล่อยหมดและพูดไปเรื่อยมากกว่า ถ้าจะไม่คิดจริงจังว่าเราไปว่าเขาและคิดอย่างนั้นไหม เราไม่ได้คิดจริงๆ แค่อยากให้เพื่อนสนุกเราอาจจะสนุกกับเพื่อนตรงนั้นมากเกินไป”

กลัวไหมว่าตัวเราในอนาคตอาจจะพลั้งพูดอะไรออกไปอีก ที่รุนแรงกว่านี้?
“มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้และถ้ามันเกิดขึ้นผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้มากกว่า เราก็ระวังเต็มที่แล้วแหละแต่ถ้ามันยังมีเผลอ ยังมีคนถ่ายโดนดีโดยที่เราไม่เห็น บางทีเราอยู่กับเพื่อนเราก็อยากสนุก ก็ไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายอยู่หรือเปล่าแต่ถ้ามันมีหลุดออกไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรก็แค่ยอมรับ ขอโทษอีกทีหนึ่ง บางทีเราก็ไม่ได้ระวังตัวเองขนาดนั้น บางทีเราไปกินข้าว เราอยู่โต๊ะนี้แล้วคุณอยู่โต๊ะข้างๆแอบถ่ายเรา เราก็ไม่รู้ เพราะเราก็กินข้าวของเราเวลาส่วนตัวของเรา เราก็ต้องระวังมากขึ้น เหตุการณ์นี้ตอนนั้นกลับก็ยังเด็กด้วยอายุ 24-25 สำหรับเด็กสมัยนี้ก็ไม่เด็กแล้ว ถ้าเรามองย้อนกลับไปเรา25แล้ว เรายังพูดอะไรแบบนั้นอยู่ก็ถือว่าไม่ควรพูดอยู่ดี”