จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการสำหรับภาพยนตร์ “ปีนเกลียว” (Slum Dragon) รอบ First Screening ภาพยนตร์แนวดราม่า แอ็คชัน นับเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของบรมครูคิวบู๊เมืองไทยในตำนานอย่าง “อาจารย์พันนา ฤทธิไกร” ผู้บุกเบิกและผู้สร้างให้ภาพยนตร์แนวบู๊ไทยให้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและยังเป็นการยกย่องถึงความสำคัญของเหล่าทีมงานสตันท์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์แอ็คชันไทย นำกลับมาสร้างใหม่ให้เร้าใจกว่าเดิมโดยบริษัท Hollywood (Thailand) ร่วมกับค่าย Peripheral Pictures เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม 2567 ณ Major Cineplex Sukhumvit (เมเจอร์ ซินิเพล็กซ์ สุขุมวิท)
สำหรับ “ปีนเกลียว” (Slum Dragon) นำแสดงโดยนักแสดงเลือดใหม่ของวงการ ตรี-ธิฐิธรรม แสงมณี, เมษา-พลอยปภัส คุณพรหม, เบิร์น-นฤพนธิ์ ฉิมพลีนภานนท์ และนักแสดงสมทบมากฝีมืออีกมากมาย อาทิ ป๋อง-กฤตภาส จันทนะโพธิเบิร์น, ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร, เจเจ-จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์ กำกับโดยผู้กำกับไฟแรง “อาเธอร์ บุญ เบญจกุล” นอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่อง “ปีนเกลียว” (Slum Dragon) ยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมในด้านซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อเผยแพร่ผลงานฝีมือคนไทยสู่ระดับสากล รวมถึงเพิ่มมูลค่าเศรษฐและยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก ซึ่งภายในงานแถลงข่าว นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ นางสาวจริมา ทองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ก็ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานด้วย
บรรยากาศภายในงานนักแสดงนำทั้ง 3 อย่าง ตรี-ธิฐิธรรม แสงมณี, เมษา-พลอยปภัส คุณพรหม, เบิร์น-นฤพนธิ์ ฉิมพลีนภานนท์ และผู้กำกับ “อาเธอร์ บุญ เบญจกุล” พร้อมด้วย คุณวสันต์ หอมแสงประดิษฐ์ ผู้บริหารจากบริษัท Hollywood (Thailand) และ คุณตอง-กฤษณะ ลาดพันนา จากทีมสตันท์พันนา ก็ได้ร่วมพูดคุยแถลงข่าวกับสื่อมวลชน
โดย “อาเธอร์ บุญ เบญจกุล” ผู้กำกับก็ได้กล่าวว่า “ที่ผมหยิบบทประพันธ์เรื่องปีนเกลียวขึ้นมาทำใหม่ในครั้งนี้เพราะผมรู้สึกว่ามันโดนใจผม มันเป็นเรื่องที่มีอยู่จริงในสังคมไทยสังคมบ้านเรา และในเรื่องนี้เราได้สอดแทรกวัฒนธรรมของเราเข้าไปได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดนตรีไทย หรือศิลปะแม่ไม้มวยไทย ซึ่งในการแคสนักแสดงในเรื่องผมก็มองจากความเหมาะสมความเป็นตัวตนของแต่ละคน เราปรับมุมมองของทุกคนในเรื่องแบบเท่าเทียมกัน เราไม่ได้หาดาราเบอร์ใหญ่ แต่เลือกคนที่ตรงกับบทจริง ๆ เรามองจากศักยะภาพของคนที่ต้องมารับบทนั้นจริง ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าพอมันเป็นรีเมคตามธรรมชาติมันก็คงไม่พ้นเรื่องของการถูกเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า มาถึงยุคปัจจุบันผมมองว่าสิ่งที่คนดูต้องการมันเปลี่ยนไป แต่หัวใจหลักของปีนเกลียวมันยังคงอยู่ มันมีความเป็นวัฒนะธรรมเก่าและใหม่มันจะมาเจอกันและผสมผสานกันออกมาเป็นยังไง มันเป็นการตีความที่แตกต่างกัน และเรื่องนี้การที่เราได้มีกระทรวงวัฒนธรรมเข้ามาสนับสนุนมันก็ยิ่งทำให้วงการหนังไทยมันโตและพัฒนาได้เร็วขึ้น โดยไม่โดนข้อจำกัดของการทำหนังจากเหล่ามาร์เก็ตติ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ เราสามารถที่จะทำหนังออกมาได้ตรงตามที่เราวางไว้มากที่สุด คาดหวังว่าจะทำให้หนังแอ็คชันมันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
ตอง-กฤษณะ ลาดพันนา จากทีมสตันท์พันนากล่าวต่อว่า “อยากจะกลับมาทำให้หนังบู๊ไทยแอ็คชั่นไทยให้มันได้กลับมาอีก ครั้งนี้มันอาจจะเป็นการนำเสนอที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเส้นเรื่องหรือการดำเนินเรื่อง ก็เรียกว่าตื่นเต้นมากเพราะเราเคยดูอันที่เป็นเวอร์ชั่นเก่าของคุณพ่อ (อาจารย์พันนา ฤทธิไกร) ครั้งนี้พี่อาเธอร์เอากลับมาทำ มันจะเป็นการถ่ายทอดอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเราอยากเห็นมากๆ และผมก็อยากให้แฟนคลับของคุณพ่อที่เคยประทับใจหนังปีเกลียวของคุณพ่อมาก่อน ลองมาเปิดใจแล้วดูหนังเรื่องนี้ด้วยกันครับ”
เมษา-พลอยปภัส คุณพรหม ก็ได้กล่าวปิดท้ายด้วยว่า “ตั้งแต่ได้รับเสนอให้มารับเรื่องนี้ซึ่งเมเองยอมรับว่าไม่เคยรู้จักเรื่องนี้มาก่อน แล้วก็เลยได้ไปปรึกษาหผู้ใหญ่ที่เรานับถือคือ คุณชายอดัม (หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล) ท่านก็ออกปากเลยว่าเรื่องนี้ควรรับเพราะเป็นบทประพันธ์ของอาจารย์พันนา ฤทธิไกร เมษาก็เลยลองไปหาข้อมูลและก็ได้รับเล่นเรื่องนี้ ส่วนตัวมองว่าการทำงานกับกองนี้มันรู้สึกดีมาก ทุกคนเท่าเทียม ไม่ได้มีการแบ่งแยกว่า คุณเป็นดารา คุณเป็นสตันท์ คุณเป็นเอ็กซ์ตร้า หรือคุณเป็นทีมงาน ทุกคนทำงานและให้เกียรติกันมากๆ ตอนแรกบอกเลยว่าแอบกดดันไม่กล้าเรียกว่าเป็นนางเอก เพราะได้แสดงนำเป็นเรื่องแรก เราก็ต้องปล่อยว่าความกดดันนั้นลงด้วยการที่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก แต่ตัวเราเป็นอ้นเราต้องปลดล็อคและก็ต้องทำหน้าที่ในบทของอ้นให้มันดีที่สุดก็เท่านั้นค่ะ ”