“พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” ดวลสนามสุดท้าย 15-17 พ.ย.นี้ ชิงดำแชมป์ประจำปี

0
856

 

 

ศึกสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2019” เตรียมระเบิดความมันส์สนามสุดท้ายของปีในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อตัดสินแชมป์ประจำปี ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอสที1 และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1 ในสุดสัปดาห์นี้ ขณะคลาสสูงสุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี1 คู่หู ยามาฮ่า ไรเดอร์คลับ เรซซิ่ง ทีม อย่าง “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี และ “เบียร์” เฉลิมพล ผลไม้ ต้องดวลกันเองเพื่อตัดสินรองแชมป์กับ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรี จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด เรซซิ่ง ทีม

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 เดินทางมาถึงสนามสุดท้ายของฤดูกาล โดยมีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายนนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ สร้างความแตกต่างให้กับวงการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในประเทศไทยอย่างมาก ด้วยมาตรฐานในการแข่งขันที่ยึดกติกาเดียวกับสากล รวมถึงการแข่งขันในสนามระดับโลกซึ่งเป็นแทร็กเดียวกับเรซอย่าง โมโตจีพี ชิงแแชมป์โลก และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ โดยนับเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักบิดไทย รวมถึงทีมแข่งไทยอย่างมาก

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์​ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เปิดเผยว่า “พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ฤดูกาลนี้ พิสูจน์ให้เราได้เห็นอีกครั้งว่ามีการยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราทำให้เห็นว่านี่คือเวทีที่สร้างนักบิดไทยมากมายขึ้นสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ และในสนามสุดท้ายของปี ในสุดสัปดาห์นี้ผมเชื่อว่าทุกท่านจะได้ชมการแข่งขันที่เข้มข้นไม่แพ้การแข่งขันระดับโลกรายการอื่นๆ ที่ดวลความเร็วในสนามช้าง เพราะจากคะแนนสะสมแล้ว ในทุกรุ่นยังต้องมาวัดแชมป์ประเทศไทย และแชมป์ประจำปีของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งทุกทีมทุ่มสุดตัวแน่นอน”

โดยสนามสุดท้ายของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 จะยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แม้ว่า “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม จะคว้าแชมป์ในคลาส ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี1 ไปครองแล้วจากการคว้าชัยชนะ 3 สนามติดต่อกัน ทว่า การลุ้นตำแหน่งรองแชมป์ก็ยังคงดำเนินต่อไป โดย “ซุป” อนุชา นาคเจริญศรี จาก ยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ เรซซิ่ง ทีม ที่มี 43 คะแนน จะต้องตัดสินกับทีมเมทจอมเก๋าอย่าง “เบียร์” เฉลิมพล ผลไม้ ที่ตามหลังเพียง 3 คะแนน รวมถึง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด เรซซิ่ง ทีม ที่ตามหลังอยู่เพียง 4 คะแนนเท่านั้น

นอกจากการแข่งขันในคลาสสูงสุดแล้วยังมีการลุ้นแชมป์ของคลาสอื่นๆ อย่าง ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี เอสที1 โดย ซึ่งคู่หูจาก ยูทีอาร์ เรซซิ่ง ทีม อย่าง โคลิน เอ็ดเวิร์ด (57 คะแนน) และ อัศวิน คงทนไพศาล (45 คะแนน) จะต้องชี้ชะตาลุ้นแชมป์ประจำปีกันในสนามสุดท้าย

ขณะที่ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1 ประวัติ ญาณวุฒิ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์ สปีด เรซซิ่ง ทีม จ่าฝูงบนแชมเปี้ยนชิพที่มี 70 คะแนน จะต้องลุ้นแชมป์ประจำปีกับ คณาทัต ใจมั่น จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลินส์ กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม ที่ตามหลังอยู่เพียง 9 คะแนน รวมถึง สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง จาก ทีเอชอาร์ซี ไทย ฮอนด้า เรซซิ่ง ที่รั้งอันดับ 3 ตามหลังอยู่ 18 แต้ม

ส่วนในคลาส ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี เอสเอส1 แม้ วรพงศ์ มาลาหวล จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลินส์ กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม จะคว้าแชมป์ประจำปีไปแล้วจากสนามที่ผ่านมา ทว่าการลุ้นอันดับ 2 บนแชมเปี้ยนชิพระหว่าง อนุกูล กาบแก้ว จาก พีทีที ลูบริแคนท์ คาวาซากิ ติ๊งโน๊ต มินิโมโต ไออาร์ซี วายเอสเอส นก จูนเนอร์ และ คณาทัต ใจมั่น รวมถึง รัฐพงษ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. โมตุล น้ำบาน โก๋ ท่ามะกา ก็ยังคงเข้มข้น เพราะมีแต้มห่างกันเพียง 6 และ 8 คะแนน เท่านั้น