โพสต์ระบายความใสใจหลังมีคนด่าว่าอุตริเอาหนังเข้าโรงในช่วงโควิด สำหรับพชร์ อานนท์ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวเผยไม่สนใจ แต่ต้องการช่วยส่วนร่วม คนทำหนังช่วยโรงหนังให้อยู่รอดไปด้วยกัน พร้อมเผยพอใจกับรายได้ แม้จะหายไปกว่า 85% แต่ถือว่ายังรับได้ ไม่งั้นไม่ถอยรถป้ายแดง
ถามถึงเรื่องที่โพสต์เมื่อวาน?
“อ๋อโพสต์เกี่ยวกับหนังใช่ไหม เพราะจริงๆไม่มีอะไรหรอก พอดีมีคนมาว่าเราว่าบ้า อวดเก่ง อุตริ มีคนเขาคุยกันว่าอย่าไปพูดถึงไอ้พชร์มันเลย มันบ้า ตอนช่วงที่เราเอาหนังเข้าในวันที่ 3 มิถุนายน แต่เราไม่ได้โกรธอะไร ก็อยากอธิบายให้พวกเขาฟัง ว่าเราไม่ได้บ้า สาเหตุที่เราเอาหนังเข้าวันที่ 3 เพราะเราอยาให้โรงหนังซึ่งปิดไป2เดือน มีคนมาโรงหนังกัน เพราะว่าถ้าเราทำหนังเสร็จแล้วเราไม่มีโรงหนังฉาย มันก็อยู่ไม่ได้ไง มันไม่มีใครเข้า เราก็ตัดสินใจเข้า เราไม่ได้บ้า เราคิดดีแล้วว่าเราทำเพื่อส่วนรวม เพราะโรงหนังปิดไป 2-3 เดือนพอเปิดมาเราก็อยากให้มีคนมั่นใจ ไปโรงหนังอละดูหนังคลายเครียดกัน เลยเอาหนังเข้า เราเลยอยากบอกคนที่เขาว่าเรา คือเราไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัวเรา เราเห็นแก่ส่วนรวมว่าถ้าไม่มีโรงหนัง หนังเราที่ทำมาก็จะไม่มีที่ฉาย เพราพฉะนั้นเราก็ต้องช่วยโรงหนัง”
“ไม่ได้โกรธ คือความคิดเขาแย่ๆ มาว่าเราบ้า มาว่าเราอวดเก่ง อุตริ อวดดีนีกหรอถึงเอาหนังมาเข้า แต่หนังเราก็ได้เงินนะในระดับหนุ่งสำหรับเหตุการณ์ที่มันไม่ปกติ คือเราก็รู้สึกว่าแฟนๆหนังเราก็มาช่วยกันต้อนรับได้ดี แต่ที่สำคัญคือโรงหนังมันก็คึกครื้นขึ้น มีคนมาดู เราก็รู้สึกว่าเราดีใจแล้ว จริงๆหนังเราจะได้เงินหรือไม่ได้เงินมันไม่สำคัญไง เราให้โรงหนังต้องอยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ เราก็ต้องช่วยกันรักษาโรงหนังไว้ หนังเราไม่ได้เงินไม่เป็นไร แต่ที่ผ่านๆมามันได้เงินไง ได้เงินในระดับหนึ่งกับเหตุการณ์ที่มันไม่ปกติ ถ้าเหตุการณ์ไม่ปกติหนังพี่ได้วันแรกเกือบ 4 ล้านรวมทั่วประเทศแล้ว ถ้าเหตุการณ์ปกติมันก็จะได้ประมาณ 20 ล้าน ไม่ท้อๆ เรารับได้ เพราะเรารู้สึกว่าเงินมันหายไปประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ คิดดูว่าโรงหนังต้องนั่งเว้นที่นั่ง รอบฉายหายอีก หลังจากหนึ่งทุ่มก็ไม่มีรอบฉายเพราะเคอร์ฟิว เพราะฉะนั้นเรารับศึกหนักมาก แต่ศึกครั้งนี้ เรากล้ามี่จะชนมันแล้ว เราก็ชนมาแล้ว หนังเราก็ไม่ได้รายได้น่าเกลียดด้วย มีหนังที่เข้าฉายในเหตุการณ์ปกติแต่รายได้น้อยกว่าหนังเราก็มี”
“ไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจเอาหนังเข้าวันที่ 3 มิถุนายน โรงหนังช่วยเรา เราต้องช่วยโรงหนัง ก็ต้องขอขอบคุณแฟนๆหนังเราทุกคนที่เห็นว่าเรามีจุดประสงค์ดี โรงหนังต้องอยู่คู่คนไทย ใจล้วนๆเรากล้าที่จะช่วยเหลือโรงหนัง เพราะถ้าไม่มีโรงหนัง เราสร้างหนังเสร็จ เราก็ไม่มีโรงหนังไปฉายก็จบกะน เพราะฉะนั้นเราต้องเอาโรงหนังให้รอดกันก่อน แต่ตอนนี้เหตุการณ์ปกติแล้ว พอหนังพี่เข้า คนส่วนใหญ่ยังไมารู้เลยว่าโรงหนังเปิด แต่รายได้รายได้แค่นี้พี่ก็ภูมิใจแล้ว”
เสียความรู้สึกไหมที่เจอคอมเมนต์แบบนี้ ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ด้วย?
“ไม่เสียความรู้สึก ไม่เฟล เราคิดว่าอะไรที่มันทำเพื่อสังคม คิดว่าเราทำดีแล้ว เราก็ทำต่อไป เพราะเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว ไม่รู้สิใครจะว่าเราอุตริ หรือบ้าบออะไร เรากล้าที่จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่เป็นไร ไม่ได้เงินเรื่องหน้าก็ทำใหม่ ก็ต้องขอให้โรงหนังช่วยกันด้วยอย่าเพิ่งเอาพจมานสว่างคาตาออก หยุดยาวๆช่วงนี้ ขอให้โรงหนังเอาพจมานฯกลับมาฉายอีกสักรอบหนึ่ง ช่วยๆพชร์หน่อย เพราะพชร์ก็ช่วยโรงหนังแล้ว”
ตอนนี้ส่วนตัวกำไรมันได้ไหม?
“มันก็ได้นะ ไม่งั้นพี่ไมาถอยป้ายแดงหรอก (หัวเราะ) ยังไงช่วยไปดูกันนะ”