เป็นอีกหนึ่งคู่ที่แฟนๆ ลุ้นและเชียร์กันหนักมาก สำหรับหนุ่ม “เจมส์ มาร์” กับสาว “พาย รินรดา แก้วบัวสาย” หลังจากมีภาพสวีสหวาน ของทั้งคู่ในทริปไปเที่ยวเกาหลีด้วยกันออกมา
ล่าสุดหนุ่ม “เจมส์ มาร์” ก็ได้เปิดใจแบบแมนๆ ยอมรับความสัมพันธ์ตอนนี้ข้ามเฟรนด์โซนไปแล้ว
“พอเราได้รู้จัดเขามากขึ้น น้องเขาน่ารัก พอมาถึงจุดนี้ ใช้คำว่าขยับความสัมพันธ์ ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร คนอื่นเขามีคำๆ นั้น แต่ตัวเราไม่อยากให้คำนั้น เพราะว่าเรารู้จักเขามานาน มันไม่ใช่คำนั้นทีเดียว มันเป็นการขยับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ข้ามเฟรนด์โซนไปแล้วครับ ได้คุยกัน ซัพพอร์ต ซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าจะใช้คำนั้นได้หรือเปล่า แต่ ณ ตอนนี้เป็นอะไรที่พัฒนาขึ้นไป ความสัมพันธ์ขยับช่วงต้นปีที่มีโมเมนต์นี้ ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆไป มันไม่ใช่ทีเดียวรู้เลย ก็ค่อยๆ คุยกัน กว่าจะได้คุยกับผู้ใหญ่ด้วย”
“เขาเป็นคนเก่งมากๆ เป็นคนถ่อมตัว เป็นคนจิตใจดี ดูแลทุกคน และทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจทุกคน ทำให้เรารู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักเขามาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เขาน่าจะเป็นคนที่เราอยากจะรู้จักมากขึ้น ก็บอกไปเลยว่าเรารู้สึกแบบนั้น มันไม่ใช่โมเมนต์ที่หวือหวา แต่มันเป็นโมเมนต์ที่เหมือนตื่นมาวันนึงเรารู้สึกอากาศมันเปลี่ยน”
“ผมบอกเขาว่า 5 ปีที่ผ่านมา ที่เรารู้จักกัน รู้สึกได้ถึงความสม่ำเสมอ เป็นช่วงเวลาดีๆ อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ใช้คำประมาณนี้ เขาก็อาจจะมีแบบอึ้งๆ กับคำที่ผมใช้ คืออะไรสม่ำเสมอ เขาก็อาจจะงงๆ หน่อย พอได้ข้อความไปแล้วเขาก็บอกยินดี”
“เขาอาจจะไม่ได้พูดคำนั้นทีเดียวแต่ก็เป็นการรู้กันว่าต่างคนก็ต่างขยับความสัมพันธ์ ส่วนใหญ่เวลาคุยก็จะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษด้วย อาจจะเป็นเพราะว่ารู้จักกันมานาน มันก็เลยข้ามคำว่าต้องมานั่งจีบหรืออะไร แต่ก็อย่างที่บอกทั้งหมดที่เกิดขึ้นเราก็ต้องบอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ คนรอบข้างที่สำคัญ ใครถามผมก็จะบอกไปตามความเป็นจริง”
“ต้องยอมรับครับว่ามีความพิเศษมากขึ้น มีความเขินๆ มากขึ้น เมื่อก่อนอาจจะเขินไม่รู้จะพูดอะไรแต่ตอนนี้จะเขินอยู่ในโมเมนต์อะไรแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่ดีแต่ว่า ด้วยความที่เรารู้จักกันมา 5 ปีก็มีชีวิตประจำวันเหมือนเดิม ผมใช้คำนี้ การพูดคุยเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เขาคือคนพิเศษครับ เป็นคนของหัวใจก็น่ารักดี”
“คลั่งรักไหมผมว่าอาจจะเป็นคนรูปแบบมินิมอลครับ คือไม่ได้ชัดมาก ในมุมของการปฏิบัติแต่ลึกๆ ข้างในเราก็รู้สึก เวลาโชว์หรืออะไรเรารู้จักกันมาสักพักแล้ว มันเลยไม่ได้หวือหวามาก”
“พ่อแม่ก็ยินดี ดีใจ ก็อย่างที่บอกได้บอกคนรอบข้างได้บอกเพื่อนๆ ไปประมาณหนึ่งแล้ว คนก็ดีใจที่เรามีโมเมนต์นี้ เพราะว่าเขาก็บอกว่าอายุก็จะ 30 แล้ว มีได้แล้ว แล้วพอรู้ว่าเป็นน้องเขาก็ยิ่งยินดี เราจะขยับความสัมพันธ์กับคนๆ นึงเราก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทางฝั่งเขาด้วย ฝั่งเราด้วย คนรอบข้างที่ทำงานด้วยกัน ทุกคนก็จะต้องรับรู้ตรงนี้ด้วย เขาไม่ตกใจนะตอนที่ไปบอก เขาดีใจที่เราพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา คิดยังไงก็พูด พยายามทำให้ทุกอย่างธรรมชาติที่สุด”
