ต่าย ชุติมา เลี้ยงลูกตามสิทธิ์ ยังไม่หย่าขาด ทิม พิธา

0
1036

 

ยังคงอยู่ในช่วงร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อลูก สำหรับคู่ของสาวต่าย ชุติมา โดยล่าสุดเจ้าตัวเผยตอนนี้ได้สิทธิ์เลี้ยงลูกคนละครึ่งตามที่ศาลกำหนด และยังไม่ได้มีการหย่าขาดจากทิม พิธา เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ก็ได้มีการพูดคุยตกลงกันต่อหน้าผู้ใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

น้องพิพิมตอนนี้ให้ ทิม ดูแล?
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็คือทำทุกอย่างตามที่ศาลกำหนดมาก่อน ตอนนี้ศาลจะให้สิทธิ์ทั้งคู่เท่ากัน ก็คือคุณพ่อ 50% คุณแม่ 50%”

แต่มันมีเรื่องบ้านหลักด้วยมั้ย ต่ายได้ยื่นคำร้องไปด้วยมั้ย?
“เรื่องนี้ก็คือยังไม่เรียบร้อย แต่ว่าตอนนี้ก็คือดำเนินการตามนี้ไปก่อนค่ะ”

แบ่งเวลากันยังไงบ้าง?
“ก็คือเวลาตามที่ศาลกำหนดมาค่ะว่า คนละครึ่งค่ะในช่วงนี้ ของต่ายก็จะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ค่ะ”

ในส่วนของคดีความมันยังมีอะไรที่ค้างคาที่ว่าเราจะยื่นให้เค้า?
“อันนี้ยังไม่เรียบร้อยค่ะ”

ตัดสินใจว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือเอาตามนี้ไปก่อน?
“ช่วงนี้ก็คือดำเนินตามนี้ไปก่อน”

มันสบายใจมั้ย ที่ตอนนี้เป็นอย่างนี้?
“มันก็ดีขึ้น สบายใจขึ้น รู้สึกว่าทุกอย่างเราก็อยากให้ลูกได้รับอะไรที่ดีที่สุด และก็กระทบจิตใจเราน้อยที่สุดค่ะ”

สภาพจิตใจน้องเป็นยังไงบ้าง?
“ก็การพัฒนาการทุกอย่างของเค้าก็ดี ปกติค่ะ แต่ว่าเรื่องของความเข้าใจอะไรก็มีมากขึ้นค่ะ”

สภาวะอารมณ์ของน้องตามวัยเด็ก?
“ตามวัยๆ ค่ะ”

มีอะไรที่ยังกังวลอยู่มั้ย?
“จริงๆ คนเป็นแม่ก็กังวลทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่ลูกยุงกัดก็กังวลอยู่แล้ว มันคือทุกๆ อย่าง และเราดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้วค่ะ”

เค้าปรับตัวได้แล้วใช่มั้ย แบบว่าถึงเวลาต้องไปบ้านนั้น และพอถึงเวลาก็มาบ้านนี้?
“ก็ดีขึ้นค่ะ เหมือนด้วยอายุเค้าจะมีความเข้าใจอะไรมากขึ้น วัยเค้าก็จะเข้าใจกฎของสังคมตอนนี้ต้องยังไง ด้วยพัฒนาการของเค้าด้วยค่ะ”

เราบอกกับลูกยังไงกับการที่ต้องย้ายไปย้ายมาตลอด ?
“เราก็จะบอกตลอดว่าอันนี้เรามีความจำเป็นยังไง คุณพ่อต้องทำอะไร คุณแม่ต้องทำอะไร ก็คือจะอธิบายเป็นเหตุเป็นผลให้เขาเข้าใจตลอด เพื่อที่ตัวเขาเองก็จะได้เป็นเด็กที่โตขึ้นมาและมีเหตุมีผลด้วย”

เราตั้งใจว่านี่จะเป็นการเคลียร์ปัญหาระยะยาวเลยไหมกับการที่ให้ลูกอยู่ 2 บ้าน ?
“ก็ถือว่ายังคาราคาซังอยู่นะคะ”

เป็นเพราะต่างฝ่ายยังไม่เริ่มที่จะคุยกันหรือเปล่า ทั้งเราและเขา ?
“มันเหมือนกับว่าพอเราทั้งสองคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน หรืออยากได้สิ่งเดียวกันมันก็เลยยังตกลงกันไม่ได้”

แสดงว่าใจเราก็ยังไม่ได้โอเคกับสภาวะที่ลูกต้องอยู่ 2 บ้าน ?
“จริงๆ ยังไงในอนาคตต่อไปเขาก็ต้องมีคุณพ่อคุณแม่ เพราะเราก็ไม่เคยคิดจะให้เขาขาดใครคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าจะให้เขาอยู่ยังให้มีคุณภาพที่สุดตามที่คุณหมอเด็กแนะนำ ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ยังไม่ถือว่าดีสำหรับเขาค่ะ”

แบบนี้จะต้องใช้กฎหมายเข้ามาช่วยไหม หรือว่าเราคิดว่าเราสามารถคุยกันได้ ?
“ก็หวังว่าจะคุยกันได้นะคะ ไม่ว่าจะวิธีใดวิธีหนึ่งก็ขอให้มีบทบสรุป”

แต่ว่าตั้งแต่ตอนที่เจอกันที่ศาลครั้งล่าสุดเราก็ยังไม่ได้คุยกันใช่ไหม ?
“ยังไงเราก็ยังต้องเป็นคุณพ่อคุณแม่ของลูก ยังไงก็ต้องมีเรื่องลูกที่ต้องปรึกษากันอยู่แล้วค่ะ”

ทุกวันนี้เวลาพี่ทิมไปทำงานต่างจังหวัด น้องก็จะอยู่กับเราใช่ไหม ?
“ก็…(ยิ้ม) อันนี้เราก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาก็จะมอบให้คนอื่นดูแล
คิดว่าเพราะเราไม่สามารถแตะอะไรตรงนั้นได้”

บอกเขาไม่ได้ว่าช่วงนั้นเรามาดูแลแทน?
“คือเราก็บอกเขาตลอด ว่าถ้าไม่ว่างขอให้บอก เพราะอย่างไรเราว่างดูตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีช่วงไม่ว่างแล้งลูกมาอยู่กับเรา”

ความสัมพันธ์ของต่ายกับทิมเป็นอย่างไร?
“เป็นพ่อกับแม่ จริงๆเราสามารถยกทุกอย่างออกไป ถึงแม้เราจะเลิกกันแล้ว ถึงแม้จะเคยทำกันเจ็บปวด แต่เราก็รู้สึกว่ามันคืออดีต ปีจจันเราก็โฟกัสเรื่องวันนี้เราต้องดูแลพิพิมให้ดีที่สุด ต้องโฟกัสที่ลูก”

ความสัมพันธ์ตอนนี้หย่าหรือยัง?
“ยัง แต่ว่ามีการตกลงกันต่อหน้าผู้ใหญ่ 2 ฝ่าย ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ปีที่แล้ว ว่าหยุดสถานะการเป็นสามีภรรยากัน”

ต้องรอเอกสารทางการหรือว่าอะไร?
“คือเรื่องนี้ต้องรอปรึกษาคือมันเป็นเรื่องละเอียด ไม่ใช่อยู่ดีๆจะทำอะไรได้โดยพลการ จะทำอะไรก็ได้”

ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะไหมหรือต้องปรับตัว ต้องระมัดระวังอะไรบ้าง?
“ก็ไม่ค่อยนะเรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เหมือนเราได้อยู่กับครอบครัวของเราอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่มีความอบอุ่น ทำให้รู้สึกมีความอบอุ่น ในชีวิตและก็มีกำลงใจในการเลี้ยงดูพิพิม ถ้าพลังเราเต็ม ถ้าเรามีความสุขเราจะสามารถถ่ายทอดพลังที่จะดูแลเขาแม้ว่าจะเป็นวันที่เขางอแงที่สุดเราก็ยังสู้ดูแลลูกได้”

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“คือโอเคมานานมากแล้ว ทุกอย่างมองเป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ คนอื่นจะมองอย่างไรเราก็ไม่ได้เอาตรงนั้นเข้ามากระทบจิตใจ คือตอนแรกเราไม่อยากพูดเลย ก็ไม่อยากพูด มันก็คือเรื่องที่เรารู้ของเรากัเพื่อนของเราคนอบข้างและครอบครัว ว่าที่ตัดสินใจพูดไปมันมีความจำเป็นจริงๆ”

ตอนนี้หันมารับงานมากขึ้น?
“ใช่ค่ะ จริงๆต่ายเขียนไว้ในไอจีตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว คนอาจจะไม่ได้สังเกตุ พอเราตกลงกัน เราก็โพสต์เลยว่าเราก็กลับมารับงานนะ กลับไปดูได้”

เรื่องโรงเรียนของลูก สรุปตอนนี้เรียนที่ไหน?
“อันนี้ต่ายไม่อยากลงรายละเอียดดีกว่าค่ะ”

แต่เรายังไม่คิดที่จะฟ้องให้จบว่าใครจะได้สิทธิ์นั้นหรือฟ้องหย่า?
“ก็อยู่ในขั้นตอนที่กำลังปรึกษากันค่ะ ทุกอย่างคืออยากให้พิพิมได้รับผลที่ดีที่สุดค่ะ”

ปรึกษากันคือปรึกษากับทิม เพื่อหาทางออกร่วมกันหรือปรึกษากับทางฝั่งเรา?
“ปรึกษากับผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ ว่าทำยังไงให้การเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งขึ้นมาจะต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”

อาจจะต้องพึ่งศาลอีกไหม?
“ก็อย่างที่บอกค่ะว่าด้วยวิธีไหนก็ได้ จะคุย จะปรึกษาหรือศาล หรืออะไรก็ตาม แต่อยากให้ผลลัพท์ออกมา เอาตัวเด็ก เอาผลประโยชน์ของลูกเป็นที่ตั้งที่สุด เราไม่ควรเอาลูกมาเป็นลูกบอลในการโยนไปโยนมา เราอยากให้เขาเติบโตมาอย่างสมบูรณ์ที่สุดค่ะ”

คิดว่าจะเคลียร์ลงตัว ระยะเวลามันจะนานไหม?
“ไม่ทราบเลยค่ะ แต่ก็อยากให้เร็วที่สุดค่ะ”

รวมถึงเรื่องหย่าด้วย?
“ใช่ค่ะ”