กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย ประกาศผู้ชนะรางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2567เชิดชูเกียรติผู้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทย

0
188

กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทย ประกาศผลรางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2567 เพื่อเชิดชูบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ โดยปีนี้มีบุคคลและองค์กรที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก ได้แก่ พระพรหมพัชรญาณมุนี, ศิลปินแห่งชาติ สมเถา สุจริตกุล และสยามสมาคมฯ

ในงานแถลงข่าว นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “รางวัลการทูตสาธารณะ” เป็นรางวัลที่กระทรวงการต่างประเทศและมูลนิธิไทยตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 เพื่อเชิดชูเกียรติบุคคล กลุ่มบุคคล หรือองค์กร ทั้งสัญชาติไทยหรือต่างประเทศ ที่มีการดำเนินงานเพื่อสาธารณประโยชน์ มนุษยธรรม ส่งเสริมวัฒนธรรม กีฬา นวัตกรรม จนสามารถสร้างชื่อเสียงแก่คนไทยและประเทศไทย และได้รับการยอมรับในต่างประเทศ นอกจากนี้ นายธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย ยังได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของรางวัลในการเป็นแรงบันดาลใจให้บุคคลทั่วไปเห็นว่า ทุกคนสามารถมีบทบาทในงานการทูตสาธารณะของประเทศได้

ผู้ได้รับรางวัลการทูตสาธารณะ ประจำปี 2567 ได้แก่
1) พระพรหมพัชรญาณมุนี (พระอาจารย์ชยสาโร) พระเถระผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาเถรวาทของไทย ออกไปในนานาประเทศอย่างแพร่หลายและต่อเนื่อง ส่งเสริมให้นานาชาติเห็นถึงอัตลักษณ์ วัฒนธรรมและจิตวิญญาณของความเป็นไทย
2) นายสมเถา สุจริตกุล ศิลปินแห่งชาติ นักประพันธ์ดนตรีและวรรณกรรม ผู้ที่ช่วยเผยแพร่อัตลักษณ์ไทย โดยมีผลงานเป็นที่ยอมรับและชื่นชอบเป็นอย่างมากในระดับโลกมาหลายศตวรรษ
3) สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์กรที่รวบรวมความรู้ในด้านศิลปะ วัฒนธรรม โบราณคดีและประวัติศาสตร์ของไทย ที่ได้ใช้องค์ความรู้เป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพระหว่างคนไทยกับหลากหลายวัฒนธรรมมากว่า 120 ปี
โครงการการทูตสาธารณะ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยที่ผ่านมา ในปี 2565 ผู้ได้รับรางวัลการทูตสาธารณะให้แก่ นายแพทย์สุนทร อันตรเสน ได้ตั้งหน่วยแพทย์อาสาจากทุนทรัพย์ของตนเอง เพื่อเดินทางรักษาผู้ป่วยโรคหูน้ำหนวกทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 30 ปี และในปี 2566 ได้มีการมอบรางวัลให้แก่ “โปรโม” โมรียา และ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟหญิงอาชีพ ได้ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยหันมาสนใจกีฬากอล์ฟเป็นจำนวนมาก
นายธฤต กล่าวปิดท้ายว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้รับรางวัล ได้แก่ 1) การจารึกชื่อผู้ได้รับรางวัลบนถ้วยรางวัลที่มีชื่อว่า “Goodwill” หรือ “ความปรารถนาดี” ซึ่งจะจัดแสดงที่ กระทรวงการต่างประเทศ 2) ถ้วยรางวัลที่มีการสลักชื่อมอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ได้รับรางวัล 3) การจารึกชื่อบนแผ่นป้ายเกียรติยศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ 4) ประกาศนียบัตรประกาศเกียรติคุณ และ 5) เงินรางวัลจำนวน 300,000 บาท/รางวัล โดยพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในต้นเดือนธันวาคมนี้

มูลนิธิไทยเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ เพื่อดำเนินงานด้านการทูตสาธารณะ ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือและไมตรีจิตระหว่างชาวไทยและนานาประเทศ โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thailandfoundation.or.th/